posttoday

'แพทองธาร'เผย'ทักษิณ'อยากช่วยชาติ ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวเจรจาเมียนมา

14 พฤษภาคม 2567

แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าเพื่อไทย ตอบปม ทักษิณเจรจาเมียนมา อยากช่วยชาติ ใช้สัมพันธ์ส่วนตัว แม้ไม่มีสถานะอะไร เผยในสมัยเป็นนายกฯมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดทำให้มีโอกาสรู้จักทั้งชนกลุ่มน้อยและทหารเมียนมา

กรณีมีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้หารือกับตัวแทนจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เนื่องจากอยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในเมียนมา จึงขอเสนอตัวเป็นคนกลาง(Mediator) เพื่อให้ฝ่ายต่างๆ ในเมียนมาบรรลุข้อตกลงร่วมกันและได้นำเอกสารแบบฟอร์ม มอบอำนาจให้ตัวเองเป็นคนกลางไปให้แต่ละกลุ่มลงนามด้วย 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวในฐานะลูกสาวมองว่า นายทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เชื่อว่ามีความห่วงใยบ้านเมืองอยู่เสมอแม้ว่าจะไปอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลา 17 ปี แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงพี่น้องคนไทย อะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วย ซึ่งเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็คิดแบบนี้เช่นกัน ว่าถ้ามีสิทธิ์ช่วยได้ก็จะช่วย คนละไม้คนละมือ 

ทั้งนี้ นายทักษิณ ตั้งแต่สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยก็มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา ความยาวกว่า 2 พันกิโลเมตร เพราะฉะนั้นก็อยากให้เกิดความสันติ ซึ่งปัจจุบันนายทักษิณ ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร แต่สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการปราบปรามยาเสพติด ก็มีโอกาสที่ได้รู้จักทั้งชนกลุ่มน้อย รวมไปถึงทหารของเมียนมา จึงยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันอยู่ 

ดังนั้นด้วยความเป็นห่วงประเทศ ถ้ามีการได้พูดคุยอะไร เพียงเพราะอยากมีส่วนร่วมในการช่วยประเทศไทยเท่านั้นส่วนจะประสบผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใดยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณ

ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7พ.ค.2567 ว่า “ผมไม่ทราบว่ามีการไปเจรจาหรือเปล่า แต่เราเอง กระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงเอง มีการพูดคุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของชั้นความลับ เป็นเรื่องที่เราไม่อยากจะเปิดเผย”

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะอึดอัดใจหรือไม่ที่นายทักษิณ ไปคุยคู่ขนานกับทางการไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่ามีการพูดคุยหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าทุกท่านมีความหวังดีกับประเทศ”

ขณะที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า นายทักษิณเป็นคนที่กว้างขวางและมีเพื่อนฝูงมาก ซึ่งทางเมียนมาก็คงเห็นว่านายทักษิณจะสามารถช่วยได้ คงเป็นเรื่องที่ทางเมียนมาคุยกับนายทักษิณ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย

อย่างไรก็ตาม จุดยืนของรัฐบาลไทยคือ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยในเมียนมาที่ผ่านมาไทยพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจา อีกทั้งไทยก็ดำเนินการตามกรอบของอาเซียนด้วย ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักการที่ควรจะเป็น บางอย่างกำลังดำเนินการอยู่ ขอยังไม่เปิดเผย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยต้องการเห็นความสมานฉันท์ปรองดองเกิดขึ้นในเมียนมา

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่หากจริง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายถือเป็นเรื่องดีการแก้ไขปัญหาในอดีตหลายประเทศที่มีปัญหากันบางครั้งไม่ได้จบระดับไตรภาคี หรือ ทวิภาคี แต่จะจบด้วย เอกชนหรือคนนอกบางคน ไปเป็นตัวกลาง คนที่มีบารมีก็อาจจะไปช่วยพูดคุย ก็อาจจะจบได้ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ท่านทักษิณอาจจะคิดเช่นนั้น

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าควรเป็นหน้าที่หลักที่รัฐบาลต้องดำเนินการ  นายสุทินกล่าวว่า แน่นอนเราก็ทำอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่ทำ แต่หากจะมีใคร มาช่วยเสริมก็ไม่เสียหายอะไร