posttoday

อดีตผู้สมัครสว.จ่อยื่นศาลปกครองสั่งกกต.ระงับรับรองผลเลือกสว.67

01 กรกฎาคม 2567

'จาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์' อดีตผู้สมัครสว.เตรียมยื่นศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน ออกคำสั่งกกต.ระงับประกาศรับรอง"ผลการเลือกสว.67" อ้างมีการทุจริต เชื่อมโยงทางการเมืองไม่โปร่งใส ผู้สมัครบางคนกรอกประวัติไม่ตรงกลุ่มอาชีพ

เมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ เลขาธิการกลุ่ม Clean Politic และอดีตผู้สมัคร สว. ปี 2567 เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับการประกาศผลการเลือกส.ว.ของคณะกรรมการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.2567 เพราะมีความไม่โปร่งใสและมีการเชื่อมโยงทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม มีผู้สมัครบางรายแจ้งประวัติไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพ และมีการโหวตหักหลังกันในกระบวนการเลือกตั้ง จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัตรผู้สมัครที่ไม่เหมาะสม รวมถึงว่าที่ สว. ที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง

นายจาตุรันต์ ระบุว่า การเลือกสว.ครั้งนี้เต็มไปด้วยกลยุทธ์และการหลอกลวง ทำให้ประชาชนเสียศรัทธาต่อกระบวนการเลือกสว.และเกรงว่าการมี สว. ที่มีที่มาไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศและความน่าเชื่อถือขององค์กร จึงขอให้ศาลปกครองพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับการประกาศผลการเลือกส.ว. ที่คาดว่ากกต.จะประกาศรับรองวันที่ 3ก.ค.67 เพราะการเลือกสว.มีความไม่ชอบธรรมและขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ


จาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์

“ผมในฐานะผู้เสียหายโดยตรงซึ่งทั้งเป็นอดีตผู้สมัครสว.ปี 67และอีกทางหนึ่งก็คือเป็นประชาชนผู้เสียภาษีเพื่อเป็นเงินประจำตำแหน่งให้กับสว.และผู้ช่วยอีก 8 คนในชุดนี้ จึงร้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองการประกาศรับรองผลเลือกสว.สมาชิกวุฒิสภาออกไปก่อนเพราพผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายตามมาตรา 74"นายจาตุรันต์ กล่าว.

ผู้สมัครสว.ค้านกกต.ประกาศผลเลือกสว.200รายชื่อ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 พร้อมผู้สมัคร สว. อีกหลายคนเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอคัดค้านการประกาศรายชื่อ สว.ระดับประเทศ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง เนื่องจาก พบการลงคะแนนที่มีความผิดปกติลงคะแนนให้กันเป็นชุดๆ เลขเรียงกันหลายครั้ง ทำให้มีคะแนนสูงผิดปกติ
และบล็อคคะแนนไม่ให้บุคคลเป้าหมาย ผ่านรอบแรกได้ โดยการโจมตีปล่อยข่าวเท็จก่อนลงคะแนน ทำให้บัตรเสีย หรือมีการซื้อคะแนนแลกคะแนน 

ดังนั้น การที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ครบถ้วนก่อนเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ถ้ามีผู้สมัคร คุณสมบัติไม่ถูกต้อง หลุดเข้ามาแม้แต่ 1 คน จะทำให้คะแนนระดับอำเภอในรอบแรก มีความเบี่ยงแบนและผิดพลาดทันที ยิ่งเข้ารอบลึก ก็ยิ่งมีความผิดพลาดมาตามลำดับ การที่ กกต.จะรับรอง ผู้ที่ผ่านการเลือกรอบประเทศ 200 คนไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง จึงเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง พร้อมเสนอข้อเรียกร้องดังนี้ 

1.หยุดการประกาศรับรอง 200 รายชื่อ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของทุกคะแนน พร้อมให้เปิดเผยต่อสาธารณะ 
2.หากพบว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการฮั้วลงคะแนนให้กัน ให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ทันที 
3.ก่อนการเลือกตั้งใหม่ ให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ทั้ง 20 กลุ่ม โดยให้มีผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ กกต. และเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบต่อสาธารณะ 
4.วันเลือกตั้งใหม่ กกต.ตั้งเข้มงวดไม่ให้ผู้สมัครนำเอกสารหรือโพย จดหรือเขียนตัวเลขใดๆ ในเสื้อผ้าหรือร่างกาย รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เข้าสู่สถานที่เลือกโดยเด็ดขาด 
5. ให้กกต.จัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัว (สว.3) ให้ผู้สมัครใหม่ โดยแจกก่อนเข้าช่องลงคะแนน และให้เวลาผู้สมัครอ่านอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนลงคะแนน 
6.ให้ทุกฝ่ายยอมรับ ผลการดำเนินการของ กกต. และถือเป็นสิ้นสุดเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.200 คน เข้ามาทำหน้าที่ 

ค้านกกต.ประกาศ200รายชื่อสว.

ส่วนกรณีถ้าพบผู้สมัคร สว. คุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดจะทำอย่างไร  นายจักรพงษ์  กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ระบุชัดเจนว่า กกต. ต้องทบทวน จัดการปัญหา หรือยกเลิกแล้วจัดตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต. ประกาศรับรองแล้วไปสอยที่หลังจะสร้างปัญหามาก เพราะผู้สมัครบางคนไม่ถือว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมกับคนอื่น แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ ก็ให้จัดเลือกในระดับประเทศไปก่อน ให้ได้ สว. 200 คน แล้วค่อยอุดช่องว่าง หรือรอครบเทอมแล้วเลือกใหม่ โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไข 6 ข้อที่ได้เรียกร้อง 

ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2  กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากที่เคยร้องไปก่อนหน้านี้ โดยตนได้ยื่นคัดค้านการประกาศรับรอง สว. 200 รายชื่อ ซึ่งรวมถึงตัวเองด้วย เพราะพบสิ่งผิดปกติระหว่างการลงคะแนน โดยเฉพาะรอบไขว้ หรือรอบสุดท้าย ที่มีการลงคะแนนเป็นชุด จึงอยากให้ กกต. ใช้ตามอำนาจมาตรา 59 เปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยนับ ซึ่งหากมีการนับคะแนนทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ของการเลือกเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ผลที่ปรากฎจะสะท้อนว่าสิ่งที่พวกเราพูดเป็นความจริง เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้า กกต.ไม่ดำเนินการ ก็จะอาศัยองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่าบังคับ 

พร้อมย้ำว่า เรื่องของผลประโยชน์ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน แต่ยืนยันว่ามีหลักฐาน และได้ฟังมาว่าได้มีการสัญญากัน ว่าถ้าใครได้เป็น สว.เขียนใบลาออกไว้ให้ก่อนด้วย หรือคนแวดล้อม สว.ให้เป็นคนของอีกฝ่าย หรือ มาสเตอร์มาย (ผู้อยู่เบื้องหลัง) เป็นคนบริหารจัดการ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ส่งผลร้ายแรงต่อประเทศชาติ แต่ถ้า กกต. ดื้อดึงประกาศรับรองรายชื่อ สว. ก็จะไปยื่นต่อศาลฎีกา และอาจมีเรื่องมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 

ส่วนถ้าพบผู้สมัคร สว.ที่ขาดคุณสมบัติ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตอนนี้ขอทำเรื่องที่เป็นภาพรวมทั้งระบบก่อน ส่วนการเอาผิดรายบุคคล ถือว่ามีจำนวนมาก ข้อมูลเยอะ อาจต้องใช้เวลาสืบสวน แต่ตนไม่เลิกราแน่ 

ขณะที่ นายพานิชย์ เจริญเผ่า ผู้สมัคร สว. จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มที่ 17 ที่ผ่านเข้ารอบการคัดเลือกระดับจังหวัด แต่สละสิทธิ์ไม่ไปรับเลือก ยื่นหนังสือร้อง กกต. ขอให้การเลือก สว. ครั้งนี้เป็นโมฆะ และ ขอให้ไม่รับรอง นายชินโชติ หรือนายประเทือง แสงสังข์ (จ.สมุทรปราการ) ผู้ได้รับเลือกเป็น สว. ในกลุ่มที่ 7 และขอให้ดำเนินคดีกับนายชินโชติ หรือนายประเทือง แสงสังข์ ในการนำเอกสาร และใช้เอกสารวุฒิการศึกษาปลอม ลงสมัคร สว.  โดย กกต. สามารถตรวจสอบประวัติได้ไม่ยาก และใช้อำนาจหน้าที่เรียกมาสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป แต่หาก กกต. ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ตนต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ กกต. ทั้ง 7 คน ต่อไป