แค่โดนวางยา หรือ...? ภราดร ร่วมไขปริศนา 6 ศพ เวียดนาม(อเมริกัน) กลางเมืองกรุง
กลายเป็นข่าวดังคึกโครมไปทั่วโลก การเสียชีวิตของ ชาวเวียดนาม และเวียดนามเชื้อสายอเมริกันทั้ง 6 ศพ ที่โรงแรมหรู ใจกลางกรุงเทพมหานคร สี่แยกราชประสงค์ แลนด์มาร์คสำคัญ ภาพสะท้อนในเชิงมิติการเมือง สังคม เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ยิ่งปริศนา การเสียชีวิต คลุมเครือ ความเชื่อมโยง มูลเหตุจูงใจต่างๆ นาทีนี้ ยังไม่กระจ่าง ยิ่งเพิ่มน้ำหนักความน่าสนใจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ หน่วยงานเกี่ยวข้อง กำลังเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด ใกล้ชิด ประสานความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูล เวียดนาม สหรัฐอเมริกา
เสธ.แมว-“พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” อดีตเลขาธิการความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ติดตามตั้งแค่คืนเกิดเหตุ 16ก.ค. เรื่อยมา ร่วมสะท้อนมุมมอง ฉายภาพให้เห็นเป็นนัยๆ อาจจะมีอะไรมากกว่า การเสียชีวิตธรรมดา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เปิดเผยกับ “โพสต์ทูเดย์”
"สุดท้ายต้องไปฟังที่นิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้มีแต่ข่าวแพลมออกมา ค่อนข้างตลก ผู้เสียชีวิต 6 คน โดนวางยาไซยาไนต์ 2 คน ก็ต้องถามต่อไปว่าทั้ง 6 คน มีสารพิษที่ทำให้เสียชีวิตตรงกันหรือไม่ ตรงนี้เป็นหัวใจ ต้องรอการสันนิษฐานที่ชัด ถ้าตรงกัน น่าจะถูกวางด้วยคนๆเดียว หรือวิธีการ การปฏิบัติการณ์แบบเดียวกัน
ยังต้องไปดู เวลาที่เสียชีวิต แต่ละคนใกล้เคียงกันหรือไม่ หรือแตกต่างกันออกไปอีก ตรงนี้ จะวินิจฉัยได้ 1.ต้องรู้สารพิษชัด 2. หมอนิติวิทยาศาสตร์ เห็นอาการคงจะบอกได้ว่า เมื่อถอยหลังกลับไป เสียชีวิตเมื่อไหร่ หากเวลาใกล้เคียงกัน คงวิเคราะห์แบบหนึ่ง ถ้าไม่ใกล้เคียงกัน ต้องวิเคราะห์อีกรูปแบบหนึ่ง ต้องรอผล นิติวิทยาศาสตร์ก่อน
จากนั้นค่อยไล่กลับไป ผู้เสียชีวิตมีทั้งชาวเวียดนาม และ เวียดนามสัญชาติอเมริกัน ทั้งเวียดนามและสหรัฐอเมริกา คงจะเข้ามาติดตามตรวจสอบ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน สิ่งสำคัญที่สุด ต้องไล่กลับไป คนเหล่านี้ที่เข้าไทย มีความถี่มากน้อยแค่ไหน ต้องไปดูประวัติ แต่ละคนเป็นพ่อค้า ราชการ เป็นกึ่งราชการ หรืออะไรบ้าง ตอนนี้ ต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน ไม่ว่าจะเป็น ตายด้วยอะไร เวลาการตาย แต่ละคนเดินทางเข้ามาพร้อมกันหรือไม่ แต่ข้อสังเกตตอนนี้เท่าที่พอทราบ คือ ขณะนั้นกำลังรวมตัวกัน เพื่อน่าจะเดินทางกลับประเทศ เพราะมีการเตรียมกระเป๋าไว้
ตอนนี้ข่าวบอก วางยากันเอง แล้วเสียชีวิตไปด้วยกันทั้งหมด ขณะเดียวกัน จะมีบุคคลที่ 7 เกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องไปไล่ย้อนหลังกันอีก ตอนเข้ามาเข้ามากัน 6 หรือ 7 คน ไกด์ที่เป็นคนดูแล พาไปที่ต่างๆ ต้องสืบกันต่อ ที่สำคัญที่สุด กลับมาที่มูลเหตุการตาย และ ประวัติแต่ละคนเป็นอะไร แตกต่างกันหรือไม่ หรือเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ข่าวที่ออกมายังไม่ชัด รู้เพียงว่า โดนไซยาไนต์ 2 คน แล้วอีก 4 คน โดนอะไรตาย ถ้าตรงกัน ก็แคบมาหน่อย ถ้าไม่ตรงกัน อันนี้สิยุ่งว่า เกิดปฏิบัติการณ์รูปแบบไหน"
สิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่ามีความผิดปกติ
"ไม่ถึงกับผิดปกติ แต่ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตถึง 6 คน และตอนแรกข่าวสารบอก คืนวันที่ 16ก.ค. มีการยิงกันตาย ต่อมาไม่ใช่ ที่สำคัญ โรงแรมดังกล่าว มีกำหนดการ รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย จะมาประชุมพอดี ต้องดูต่อไปอีก แต่เนื่องจากคนตายเป็นต่างชาติ เราคงต้องเฝ้าติดตามต่อไป ยิ่งเป็นสัญชาติอเมริกัน ถ้าเป็นคนสัญชาติมาตายแบบผิดปกติ เขาต้องเข้ามาเกาะติดขบวนการสืบสวน สอบสวนด้วย เมื่อย้อนประวัติไปต้องไปดู คนที่เป็นสัญชาติอเมริกัน มีประวัติสัมพันธ์ทางราชการ ทางเอกชน หรือทางส่วนตัวอะไรหรือไม่
ในชั้นต้น จากสภาพการณ์ คงไม่ได้ตั้งสมมุติฐานอะไร ต้องการความชัดเจนการเสียชีวิตก่อน คือ นิติวิทยาศาสตร์ สำคัญที่สุด ตอนนี้ที่แพลมออกมายังไม่รู้ จริง-เท็จ คงต้องรอให้มีการแถลงออกมาถึง การเสียชีวิตของทั้ง 6 คน จากตัวยาเดียวกันหรือไม่ เวลาตรงกันหรือไม่ ไปดูในกระเพาะ อาหารการกินอาจจะแตกต่างกัน จากรูปการณ์เท่าที่เห็น อาหารยังไม่ได้กิน มีเพียงจิบน้ำไปหน่อย แต่ได้กินกันหมดทุกคนหรือไม่ จากตรงนั้นค่อยเช็คต่อไปที่ น้ำ ชา หรือ กาแฟ ที่ดื่ม เป็นอย่างไรมีสารพิษหรือไม่ ถ้าไม่มี แต่ละคนกินที่ห้องตัวเองหรือไม่ ต้องไปเก็บหลักฐานเครื่องดื่ม อาหารการกินที่ห้องแต่ละคนด้วย
บางทีมียาพิษ เมื่อกินไปปุ๊บอาจไม่ได้ตายปั๊บ อาจจะเป็นเวลา อันนี้ คงจะพิสูจน์ได้ทาง นิติวิทยาศาสตร์ สรุปแล้ว ตอนแม่บ้านไปพบ อาหารจากการกิน ตายตรงกันหรือไม่ ต้องไปดู เวลาการกินรับสารพิษจากจุดไหนกันแน่ ไปดูทีกระเพาะ คงรู้ว่า สารพิษนี้ไปออกฤทธิ์ตรงจุดไหน ต้องไปดูทาง นิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ต้องรู้เหตุการตายที่ชัดก่อน ที่น่าเป็นห่วง จำนวนคนเยอะที่เสียชีวิต มี2สัญชาติอีก ต้องระมัดระวัง เชื่อว่า สถานทูตทั้ง 2 แห่ง เข้ามามอนิเตอร์ใกล้ชิดอยู่แล้ว"
มีข้อสังเกตรัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย มาประชุมที่โรงแรมพอดี เชื่อมโยงการเสียชีวิต ตั้งเป็นหลายสมมุติฐาน เกิดความขัดแย้งในกลุ่ม การโจรกรรม หรือเป็นเพียงนักท่องเที่ยว นักธุรกิจเดินทางมาพอดี แล้วเสียชีวิต
"ตอนนี้คงต้องสืบประวัติย้อนหลังทั้ง 6 คน มีอาชีพอะไร เกี่ยวข้องอะไรกันอย่างไร บางคนมีญาติพี่น้องสัมพันธ์กันในไทย ตรงนี้คงลงลึกไปอีกถึงความเกี่ยวข้อง แต่ในทางไม่เกี่ยวข้อง คงต้องย้อนข้อมูลกลับไปอีก ข้อมูลคงไปอยู่ที่สหรัฐ ทางเวียดนาม ต้องประสานกันต่อ
ตอนนี้มีทั้งข่าว อาจเป็นปัญหาทางธุรกิจแบบเดียวกัน นำมาสู่การเสียชีวิตด้วยกัน แต่บางคนก็มองไปเรื่องลัทธิ ความเชื่อ บางคนมองเป็นฆาตกรรม บางคนมอง เกี่ยวข้องกับมิติการเมืองหรือไม่ แต่จะชัดต่อเมื่อ พิสูจน์ทราบการตายก่อนว่า มาจากสารตัวเดียวกันหรือไม่ เวลาการตายใกล้เคียง แตกต่างกันหรือไม่ แล้วเริ่มขยับถอยไป รวมทั้งประวัติแต่ละคน เกี่ยวข้องกับงานราชการ การค้า งานทางเอกชน หรืองานอื่นๆทางผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องย้อนไปดูประวัติ เราจะได้มาจากทางเวียดนาม รวมทั้งเดินทางมาในไทยกี่ครั้ง ไปปฏิสัมพันธ์อะไรที่ไหนบ้าง แล้วนำมาต่อจิ๊กซอว์ต่อกัน เช่นเดียวกับ บุคคลสัญชาติอเมริกัน 2 คน ต้องถอยกลับไป มีพฤติการณ์ทั้งที่ไทย สหรัฐ เป็นอย่างไรบ้าง"
ความกังวลในมิติความมั่นคง ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
"ตอนนี้เรื่องการท่องเที่ยว คงจะสะดุ้งก่อน เพราะข่าวอย่างนี้ไปเร็ว ตอนแรกข่าวออกมา ไล่ยิงกันตาย ยิ่งเป็นโรงแรงดังกลางกรุง 6ดาว ก็สะดุ้งแล้ว ต่อมาบอกไม่ใช่ไล่ยิง มีการตายเพราะยาพิษ แล้วทีนี้ การตายเป็นอย่างไร คนมาพักเป็นพวกรายได้ดี ทำให้กลุ่มมีรายได้ คนที่จองโรงแรมแล้ว ชะลอมา หรืออาจเปลี่ยนเป้าหมายได้ ถึงอย่างไรคงมีปฏิกิริยาอยู่แล้ว เป็นโรงแรมดี ลูกค้ามีสตางค์ แต่เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี มีปฏิกิริยาตอบโต้เร็ว ไปที่เกิดเหตุฟังข้อมูล ชี้แจง แต่ตอนนี้คงต้องรอข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับข่าวสาร ที่ต้องออกมาทางตำรวจจะต้องแถลงออกมาเป็นระยะๆ
เชื่อว่า เราจะได้ความร่วมมือจากเวียดนาม สหรัฐ ประกอบกับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้ข้อมูล เชื่อมข้อมูล AI เพื่อนำมาสังเคราะห์ได้เร็ว แต่คงต้องรอดูทางนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ แถลงออกมา พอได้เร็ว ก็ไปต่อทางคดี สาเหตการตาย แล้วก็ไปเรื่องประวัติต่างๆ"