ประพันธ์ุ ชี้ เศรษฐา ส่งคำแถลงปิดคดี ขว้างงูไม่พ้นคอ ตัดสิน 14 ส.ค. โอกาส 50-50

นายประพันธ์ุ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะหนึ่งในผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่า ในมุมมองของนักกฎหมายและทนายความ จากที่อ่านคำชี้แจงและคำแถลงปิดคดีนายเศรษฐา ไม่ค่อยแหลมคม รู้สึกผิดหวัง แก้ตัวไม่ค่อยมีน้ำหนัก คาดหวังว่าเมื่อมีนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกฯแล้ว เป็นกุนซือให้คำปรึกษา แต่คำชี้แจงแถลงกลับเป็นแบบพื้นๆ ไม่มีอะไรใหม่ หรือมีน้ำหนักหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 40 อดีตสว.ได้ ยังอ้างความเป็นนักธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยกับข้อกฎหมายและเรื่องรัฐศาสตร์ ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างหักล้างข้อกล่าวหาได้ 

นายประพันธ์ุ กล่าวว่า คำแถลงของ40สว.ค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะคำสั่งของศาลฎีกา ให้นายพิชิตจำคุกเปรียบเสมือนคำพิพากษา เรื่องเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไปจบที่ชั้นศาลฎีกาโดยไม่มีอุทธรณ์ เพราะผู้กระทำความผิดไปกระทำความผิดในศาลฎีกาฯ และศาลฏีกาเป็นผู้ไต่สวน สอบสวนเรื่องนี้ของนายพิชิต ในฐานะผู้ร้องได้ยื่นเอกสารที่เป็นหนังสือของเลขาศาล ส่งถึงสภาทนายความ ที่เป็นผู้ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตของนายพิชิตและพวก เนื่องจากประพฤติผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานศาล ศาลยังมอบให้เลขาศาลไปแจ้งความดำเนินคดีเองกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกฯต้องทราบข้อเท็จจริงนี้อยู่แล้ว 

นายประพันธ์ุกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเคยมอบทนายไปฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของสภาทนายความ จนคดีถึงศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตัดสินว่า คำวินิจฉัยของสภาทนายความเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว รายละเอียดเหล่านี้นายกฯอ้างไม่รู้ไม่ได้ สำคัญคือนายกฯไม่ได้นำรายละเอียดดังกล่าวไปถามกฤษฎีกา แตกต่างจากกรณีของนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่ให้รายละเอียดกับกฤษฎีกาเลยว่า นายไผ่ต้องคดีที่ไหน ท้องที่ใด คำพิพากษาว่าอย่างไร ถามว่าทำไมคุณถึงให้รายละเอียดได้ ซ้ำยังถามด้วยว่า นายไผ่ มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ 

“ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน นายกรัฐมนตรีค่อนข้างลำบาก แก้ตัวแบบขว้างงูไม่พ้นคอ แก้ตัวว่าไม่รู้ ลำบาก ครั้งแรกที่ไม่แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีก็เพราะสาเหตุนี้ พอมาครั้งที่สองไม่ถามใครเลย ตั้งเลย แล้วจะเอาผลครั้งแรกมาใช้กับครั้งหลังได้หรือไม่ ครั้งแรกถามไม่ละเอียดอยู่แล้ว ความจริงต้องถามทุกมาตรา ไม่ใช่ถามแค่เฉพาะวงเล็บใดวงเล็บหนึ่ง

ปัญหาคือ ครั้งที่สองไม่ได้ถามเลย ในทางกฎหมายและข้อเท็จจริงเราไม่ได้หนักใจ ถ้าหากเขาจะพ้นหรือจะหลุดมันต้องเหตุอื่นแล้ว ไม่ใช่เหตุทางกฎหมาย อาจจะมีเหตุอภินิหารทางกฎหมายอย่างอื่น ในชั้นนี้ต้องบอกว่า 50-50 วันที่ 14 ส.ค. ผม นายสมชาย แสวงการ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสว. จะไปรับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย”นายประพันธ์ุกล่าว