"DSI - อัยการ"เตรียมเรียกสอบพยาน "คดีฮั้วสว." ยัน! เสร็จใน 3 เดือน
DSI - อัยการ เตรียมเรียกสอบพยาน "คดีฮั้วสว." หลังประชุมนัดแรก ยัน! เร่งทำคดีให้เสร็จทันกรอบ 3 เดือน ตามอำนาจ กกต.เพิกถอน สว.
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษครั้งที่ 1/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดเป็นอั้งยี่ตามมาตรา 209 แห่งปรประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวข้องและความผิดที่เกี่ยวข้องในคดีฮั้วเลือก สว. หลังจากคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
พันตำรวจตรี ยุทธนา เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้มีองค์คณะจากสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมสอบสำนวนทำคดี ซึ่งเป็นการประชุมพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการครั้งแรก
เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคดีนี้มีองค์คณะพนักอัยการมาร่วมสอบสวนทั้งหมด 5 คน แต่การประชุมครั้งนี้มาร่วมประชุมเพียง 3 คน
วันนี้มีการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน ส่วนใหญ่เป็นการสรุปข้อเท็จจริงและหลักฐานการสืบสวนเพื่อให้คณะพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้ทราบข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวหา
เป็นการรวบรวมและดูว่าใครที่มีส่วนในการรับโอนเงินในเรื่องนี้บ้าง โดยต้องตรวจสอบรายการเดินบัญชีและเส้นทางการเงินร่วมด้วย ซึ่งคดีนี้มีพยานที่ต้องสอบปากคำจำนวนมากแต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีกี่คน
ส่วนที่มีเอกสารหลุดเป็นรายชื่อของผู้ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีนี้กว่า 7,000 รายชื่อ ต้องไปตรวจสอบว่าถ้าคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องเชิญมาสอบปากคำด้วย โดยจะตรวจสอบในช่วงปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พบข้อมูลว่ามีการกระทำความผิด
ประชุมคดีฮั้วสว.
ส่วนการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี คณะพนักงานสอบสวนจะนัดประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งและพยายามทำให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันกำหนด 3 เดือน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีอำนาจในการเพิกถอน สว.ออกจากตำแหน่ง และพยานในคดีนี้จะเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
และในเบื้องต้นดีเอสไอจะดำเนินคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน แต่หากพบความผิดเพิ่มเติมในข้อหาอื่นหลังจากทำคดีหลัก พนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินคดีในความผิดต่อเนื่องได้ แต่ต้องทำคดีหลักให้แล้วเสร็จก่อน
ด้าน นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ระบุว่า พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากระบุได้ว่ามีการกระทำความผิดก็จะต้องถูกสอบสวนทั้งหมด โดยหลังการประชุมในครั้งนี้พนักงานสอบสวนสามารถสอบปากคำพยานได้ทันที
โดยจะสอบเรียงลำดับความสำคัญของพยานจากมากไปหาน้อย และจะจัดกลุ่มพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยาน เพราะพยานแต่ละคนมีความสำคัญไม่เท่ากัน
พันตำรวจตรี ยุทธนา ยืนยันว่า การกระทำความผิดตามคดีอาญา หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ดำเนินการก็เป็นความผิดเสียเอง ซึ่งต้องทำไปตามกระบวนการ แต่หากใครจะมองไปเรื่องการเมืองก็สามารถที่จะคิดได้ ยืนยันว่าดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีกลุ่ม สว. ไปร้องเรื่องจริยธรรมของ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ก็พร้อมให้มีการตรวจสอบ