เปิดข้อสั่งการนายกฯอิ๊งค์ขอครม.ลุยแก้เศรษฐกิจปากท้องประชาชน

27 มีนาคม 2568

เปิดข้อสั่งการนายกฯอิ๊งค์ หลังศึกซักฟอก ขอครม.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทุกมิติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 12 ประจำปี 2568  วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม  2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้  

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณคณะรัฐมนตรีทุกท่าน  หัวหน้าส่วนราชการ ที่ช่วยกันชี้แจงทั้งในที่ประชุมสภาฯและ นอกที่  ประชุมฯ  เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งหลายคำถามที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายสอบถามหรือแนะนำนั้นขอให้ ครม.พิจารณาว่าเรื่องไหน ที่รัฐบาลต้องรับกลับมาดำเนินการ ก็ขอให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้มีผลเป็นรูปธรรม

ขณะที่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในทุกส่วนราชการ และทุกองคาพยพ ของรัฐบาล  ที่จะทำให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

“ขอให้ ครม. และส่วนราชการไปพิจารณาเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ และปากท้องและความเดือดร้อนของประชาชน ที่สำคัญขอเน้นย้ำให้ทุกท่านช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุก ๆ เรื่อง เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลนายกฯ แพทองธารได้ดำเนินนโยบายหลายด้านเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภา 

นโยบายที่โดดเด่นคือโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ดังนี้

นโยบายหลักที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง:

การแก้ไขปัญหาหนี้สิน: รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขหนี้สินทั้งระบบอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

การดูแลและปกป้องผู้ประกอบการ: มีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุน SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

การลดราคาพลังงานและค่าเดินทาง: มีการลดราคาค่าไฟฟ้าและมีนโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน

การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก: มีการดึงเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐและนำมาพัฒนาประเทศ

โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท: เป็นนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน

การยกระดับภาคการเกษตร: ส่งเสริมการทำเกษตรสมัยใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้แก่เกษตรกร
การส่งเสริมการท่องเที่ยว: มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจและประชาชนในพื้นที่ท่องเที่ยว

สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม: ธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัว 2.7% และจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุน และการส่งออก

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายจากปัญหาเชิงโครงสร้างและภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

Thailand Web Stat