posttoday

"ม.ร.ว.ทองทิศ" แถลงปัดเอี่ยวร่วมแก๊งปลอมเอกสาร เบิกเงิน 176 ล้าน

08 เมษายน 2566

ม.ร.ว.ทองทิศ ปัดเอี่ยวแก๊งปลอมเอกสารเบิกเงิน 176 ล้าน-จีนอุ้มบุญข้ามชาติ เผยถูกติดต่ออ้างเป็นนักธุรกิจ ชาวจีน-กัมพูชา สนใจลงทุนโครงการสุขภาพ แต่ติดปัญหาถอนเงินไม่ได้ รับตกใจแต่ไม่รู้เห็น พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามขั้นตอนกม. ย้ำบทเรียนชีวิตราคาแพง

ภายหลังมีรายงานข่าวปรากฎชื่อ "หม่อมราชวงศ์" มีเอี่ยวแก๊งข้ามชาติ คดีปลอมเอกสารร่วมกับลูกอดีตอธิบดีมหาดไทยเบิกเงิน 176 ล้านบาท และตำรวจตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม” นั้น

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่ สำนักงาน DBN คลินิก น.พ. ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ เปิดเผยพร้อมปฏิเสธโดยสิ้นเชิง และขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือร่วมในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทางตนเองก็หลงกล และหลงเชื่อคนบางคน จนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้เป็นธุระช่วยติดต่อธนาคารกสิกรไทย สาขาแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท เพื่อให้ชาวจีนเชื้อสายกัมพูชาเบิกเงินจำนวน 176 ล้านบาท

โดยจุดเริ่มต้น มาจากที่ตนมีโครงการจัดสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (INNOVETIVE WELLNESS CENTER) บริเวณสะพานพระราม 7 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งยุคสมัยเพื่อคุณ ภาพชีวิตที่ดี อายุยืนยาวของคนไทยและชาวต่างชาติ ที่มาใช้บริการ ทั้งการรักษาโรคมะเร็ง การดูแลผู้สูงอายุ การรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินจำนวนมาก จะต้องหาผู้ร่วมทุน และองค์กรต่างๆมาร่วมสนับสนุน ตามเงื่อนไขที่จะต้องเจรจาและทำสัญญากัน

น.พ.ม.ร.ว. ทองทิศยังระบุอีกว่า ในระหว่างการหาผู้ร่วมลงทุนนั้น มีคนแนะนำให้รู้จักคนไทย ที่อ้างตัวเป็นนักธุรกิจ ซึ่งทำธุรกิจกับชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา ชื่อว่า นายหวัง ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย มีความสนใจต้องการนำเงินมาร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว เกี่ยวกับธุรกิจเสริมความงามและรักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งตนไม่เคยพบและไม่เคยรู้จักนายหวังมาก่อน

นอกจากนี้ น.พ. ม.ร.ว.ทองทิศ ยังเปิดเผยอีกว่า นายหวังและกลุ่มบุคคลอีก 3 คนที่เกี่ยวข้องแจ้งว่า เงินที่จะนำมาร่วมลงทุนกับโครงการด้วยนั้น อยู่ในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารกสิกรไทย สาขาที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท จำนวน 176 ล้านบาท แต่ติดปัญหาไม่สามารถถอนเงินได้ เนื่องจากสมุดบัญชีธนาคาร และหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของนายหวังก็หายไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ทางตัวเขาและกลุ่มที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้มีลูกชายอดีตอธิบดีกระทรวงมหาดไทยรวมอยู่ด้วย ได้ไปปรึกษากับทางธนาคารสาขาที่นายหวังอ้างว่าได้เปิดไว้ โดยที่นายหวังไม่ได้มาด้วย ทางธนาคารแจ้งว่า การจะถอนเงินฝากได้ นายหวังต้องมาด้วยตนเองเพื่อเปิดบัญชีใหม่ และต้องมีพาสปอร์ตเล่มใหม่ที่ทำอย่างถูกต้องจากสถานฑูต หรือกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา”

น.พ.ม.ร.ว.ทองทิศ ระบุอีกว่า จากนั้นตนจึงแจ้งนายหวัง ซึ่งสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษให้กลับไปดำเนินการจัดทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้ถูกต้อง แล้วกลับมาที่ธนาคาร เพื่อทำสมุดบัญชีเล่มใหม่แทนเล่มเก่า ตามคำแนะนำของผู้จัดการธนาคาร  ต่อมาอีก 3 สัปดาห์ ได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกลุ่มเดิมให้ร่วมเดินทางไปที่ธนาคาร ซึ่งนายหวังจะเดินทางมาเจอด้วย 

เมื่อถึงธนาคาร นายหวังได้ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบ กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า พาสปอร์ต และตราประทับการเข้าเมืองเป็นของปลอม ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ประมาณ 20 นายได้เข้าควบคุมตัวนายหวัง รวมทั้งตนและพวก ไปที่โรงพักเพื่อดำเนินคดี

“ผมตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่สบายใจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความ โดยที่ไม่ได้รู้เห็นกับการปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง เอกสารการเข้าเมืองทางบก ตราประทับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราดเป็นของปลอม แต่ถูกตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม ซึ่งผมได้ให้การกับพนักงานสอบสวน ไปตามข้อเท็จจริง โดยสาระสำคัญเป็นไปตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น” หม่อมทองทิศ กล่าว

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ข่าวกับสื่อว่า นายหวังเป็นแก๊งค์ยาเสพติดคนจีน มีหมายจับที่ทางการจีนต้องการตัว ตนเห็นว่า ผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดี ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม และต้องกำจัดให้หมดสิ้นหรือลดน้อยลงเพื่อจะได้ไม่ไปสร้างความเสียหายต่อสังคมไทยและผู้ที่หลงเชื่อ

ขณะที่สื่อได้นำเสนอข่าวว่า ตนถูกดำเนินคดีเรื่องอุ้มบุญ โยงใยไปเกี่ยวพันกับชาวจีนผิดกฎหมายนั้น  น.พ.ม.ร.ว.ทองทิศขอยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาขอตรวจสอบที่คลินิกแล้ว ซึ่งตนให้ความร่วมมือทุกอย่าง พร้อมส่งเอกสารหลักฐานตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอทั้งหมดไป ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตั้งข้อหาเรื่องการทำอุ้มบุญผิดกฎหมาย จึงขอชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจ และสื่อช่วยแก้ไขข่าวให้ตรงกับความจริงด้วย

“ที่ผมถูกตำรวจ สน.ทองหล่อตั้งข้อหา“ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม ผมต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยมีทนายความเป็นผู้ดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ มีเอกสารและหลักฐานทั้ง คลิปวีดิโอในการพูดคุยทุกอย่างกับทางธนาคาร พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม การหลงกล เข้าไปติดกับดักของแก๊งที่กระทำผิดกฎหมายเกิดจากความซื่อ เชื่อใจคนง่ายเกินไป”

น.พ.ม.ร.ว.ทองทิศ ระบุอีกว่า สำหรับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องอีก 3 คนซึ่งถูกตั้งข้อหานั้น ตนไม่อาจรับรองความสุจริตให้กับใครได้ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเดือดร้อน ความทุกข์ และความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อเกียรติยศเป็นอย่างมาก

จึงถือเป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตราคาแพงที่จะต้องระมัดระวัง และถือเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนในสังคม ซึ่งปัจจุบันมีการหลอกลวง ต้มตุ๋นรูปแบบต่าง ๆมากมายปรากฏเป็นข่าวดังที่รับทราบกันอยู่ ส่วนโครงการจัดสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (INNOVETIVE WELLNESS CENTER) จะยังดำเนินการต่อไป เพื่อให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ประสบผลสำเร็จ