posttoday

สมชาย ติงอย่าให้พวกสุดโต่งมีบทบาท จึงจะเดินหน้าปรองดองได้

09 เมษายน 2566

หลัง ครป. ออกมาเรียกร้องให้พรรครวมไทยสร้างชาติหยุดหาเสียงที่สร้างความเกลียดชัง ระหว่างผู้เห็นต่างทางการเมือง ล่าสุดสมชาย หอมละออ ติงว่าจะเดินหน้าปรองดองได้ ต้องอย่าให้พวกสุดโต่งมีบทบาท

จากที่ก่อนนี้ ทางคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป. โดย นาย เมธา มาสขาว เลขาธิการฯ เรียกร้อง ให้พรรคการเมืองบางพรรคที่ปราศรัยหาเสียง โดยมีเนื้อหาในทำนองว่า คนไทยที่ไม่รักชาติให้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ควรยุติการหาเสียงด้วยการสร้างความเกลียดชัง และสร้างความขัดแย้ง ไม่ส่งเสริมความรุนแรงและสร้างความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อหวังผลคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งนั้น

ล่าสุดด้านนายสมชาย หอมละออ ประธานมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยอมรับและมีเจตจำนงค์ อันแน่วแน่ ที่จะสร้างความเข้มแข็งและสิทธิมนุษยชน ให้คนในประเทศไทย ที่ระบุอีกว่า ต้องทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งแตกต่างต้องยอมรับ และมีเจตจำนงค์อันแน่วแน่ สร้างความเข้มเข็งให้ประชาธิปไตย ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานเคารพความเห็นต่าง  อยู่บนหลักนิติธรรม ไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่มีอำนาจ 

รวมถึงทุกกลุ่มต้องทำความเข้าใจให้เห็นฟ้องต้องกัน ต้องยอมรับว่า มีกลุ่มสุดโต่งอยู่ในกลุ่มของตัวเอง ไม่ยอมรับความฟังความเห็นของอีกฝ่าย  ต้องไม่ให้คนเหล่านี้ มีบทบาทในการนำของกลุ่มนั้นๆ เพราะจะทำให้กระบวนการสร้างความปรองดองเกิดปัญหาได้

สำหรับข้อเรียกร้องของ ครป. มีเหตุมาจากการปราศรัยหาเสียงของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งมีเนื้อหาการอภิปรายว่า แผ่นดินไทยมีไว้เพื่อคนรักชาติ คนไทยที่ไม่รักชาติควรย้ายไปอยู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์  ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร นำมาหาเสียงทางการเมือง และ กกต.ต้องมีจดหมายเตือนไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติอีกครั้ง เพราะเคยห้ามไว้แล้ว

โดย ครป. แถลงการณ์ ข้อเสนอ  ต่อการเลือกตั้ง 66 ดังนี้

1.เรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรัฐบาลรักษาการ หยุดการใช้งบประมาณและทรัพยากรของรัฐเพื่อเอื้อผลประโยชน์ทางการเมืองแก่ตนเองในการเลือกตั้ง และหยุดอนุมัติโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐโดยการลักหลับประชาชน

รวมทั้งประกาศให้กลไกรัฐทุกกระทรวงทบวงกรม วางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด ไม่ใช้อำนาจที่มีตามกฎหมายไปเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครรับการเลือกตั้งไม่ว่าพรรคการเมืองใด

2.พรรคการเมืองและผู้สมัครรับการเลือกตั้ง รณรงค์หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างความขัดแย้งเพื่อส่งเสริมความรุนแรงหรือสร้างความเกลียดชัง และควรมีนโยบายการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้างที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมากกว่านโยบายประชานิยมเฉพาะหน้า โดยเฉพาะ ปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน

3.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และตรวจสอบได้ โดยสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งและตรวจสอบการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ โดยการเปิดโอกาสและสนับสนุนให้มีอาสาสมัครภาคประชาชนรายงานผลการลงคะแนนแต่ละคูหาคู่ขนานไปกับการรายงานผลของ กกต. ที่ตรงไปตรงมาและตรงกัน

4.ขอเชิญชวนประชาชนไทย ร่วมใจกันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยเจตจำนงค์ของตนเองตามหลักประชาธิปไตย และร่วมใจกันเป็นพลเมืองอาสาสังเกตการณ์เลือกตั้งในแต่ละคูหาใกล้บ้าน

เพื่อตรวจสอบผลการเลือกตั้ง ในแต่ละหน่วยคู่ขนานไปกับการประกาศผลการเลือกตั้งของ กกต. เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และตรวจสอบได้อย่างแท้จริง