'เศรษฐา'ยกระดับกฎหมายครอบครองปืนปิดช่องซื้อขาย 'แบลงค์กัน'
นายกฯเศรษฐา ยกระดับกฎหมายครอบครองปืน สั่งกรมศุลกากรปิดช่องโหว่คุมเข้มการนำเข้า ผบ.ตร.ตั้งทีมเฉพาะกิจสกัดเว็บไซต์ขาย'แบลงค์กัน' ผ่านออนไลน์และประสานกรมการปกครองไม่ให้ซื้อขายกันได้ในท้องตลาด
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ใช้เวลาราว10นาทีหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ถึงมาตรการในการป้องกันเชิงหลังคดีกราดยิงที่พารากอน เมื่อ3ตุลาคม 2566
นายกรัฐมนตรีระบุว่าได้หารือถึงการยกระดับของกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนหลังเกิดเหตุกราดยิงที่พารากอนและในฐานะรมว.คลังดูแลกรมศุลกากรอยู่ต้องเข้มงวดไม่ให้เป็นช่องโหว่ในการนำอาวุธปืนเข้ามา
ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ สตช.มีการกวาดล้างอาวุธปืน เข้าค้นที่หมายกว่า 100 แห่งจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 2,000 คดี ได้ปืนของกลางกว่า 900 กระบอกและกำชับให้ตำรวจจับกุมอาวุธปืนของจริง
แต่ทั้งนี้จากสถิติที่พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทนรองผบ.ตร. รับผิดชอบด้านงานสืบสวน รายงานว่า อาวุธปืนที่แท้จริงไม่ได้มีการนำออกมากระทำความผิด
ส่วนปืนที่นักเรียนส่วนมากใช้มาก่อเหตุจะเป็นปืน“แบลงค์กัน” (blank gun) ตรงกับที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) รายงานสถิติการใช้ปืน“แบลงค์กัน”สูงมากและไม่มีกฎหมายใดที่ไปบังคับการนำเข้าผ่านทางกรมศุลกากร ผู้ขายขออนุญาตขาย คนซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาต นี่คือช่องว่างของกฎหมาย จากนั้นผู้ซื้อนำไปดัดแปลง
ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เฝ้าเจาะเว็บไซต์ที่มีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งเป็นทีมเฉพาะในส่วนของข้อกฎหมายตำรวจได้ประสานกับกรมการปกครอง เพื่อไม่ให้สิ่งที่จะทำให้“แบลงค์กัน”เป็นสิ่งที่ซื้อขายได้ให้ตีของดัดแปลงลักษณะนี้เป็นอาวุธต้องยกระดับข้อกฎหมายนี้ไม่ให้นำเข้ามาโดยวิธีใดไม่ให้สิ่งนี้หลุดเข้ามาในท้องตลาด เรื่องนี้ยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการอยู่ ไม่ใช่แค่จับกุม แต่จะต้องยกระดับข้อกฎหมายเรื่องการนำเข้า