posttoday

คำต่อคำ:"บิ๊กต่าย"ไม่กล้าคิดเป็นผบ.ตร.ทำตามหน้าที่เพื่อองค์กร

24 มิถุนายน 2567

ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมเพื่อองค์กรพร้อมที่จะรับทุกสิ่ง"เปิดใจ คำต่อคำ "บิ๊กต่าย"ปม"บิ๊กโจ๊ก"ร้องป.ป.ช.ออกคำสั่งให้ออกจากราชการมิชอบ ยืนยันไม่คิดเป็นผบ.ตร.ไม่มีสัญญาใจ คิดอย่างเดียว"ได้รับหน้าที่อะไรก็ทำอย่างนั้น"

กรณีพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรักษาการผบ.ตร.ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 18เม.ย.2567 ให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ให้สัมภาษณ์ ประเด็นดังกล่าว หลังจากที่ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ไปร่วมประชุมผบ.เหล่าทัพที่กองทัพเรือ โดยมีรายละเอียดดังนี้

"ผมเพิ่งทราบข่าวจากสื่อว่าจะมีการไปร้องต่อป.ป.ช.ถือเป็นสิทธิ์ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขณะนี้ปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. แล้ว แต่ในกระบวนการพิจารณาเป็นเรื่องที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมแล้ว จากนี้ก็รอผลการพิจารณา"

คำสั่งให้ออกจากราชการ ขัดพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 

"มีนักกฎหมายออกมาแสดงความคิดเห็น ตีความมุมมองที่แตกต่างกันไปผมก็รับฟัง พวกเราคงได้ยินได้ฟังในเรื่องที่ว่า สิ่งนั้นมิชอบ สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง แต่มีท่านใดได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงบ้างหรือไม่ เรากำลังคิดว่าคำสั่งนี้ไม่ถูกต้อง ขัดกฎหมาย ตรงนี้ใช้กฎหมายเก่า แต่อย่าลืมว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เกิดปี 2565 และผมได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง การนำกฎหมายปี 65 มาใช้ถือว่าเป็นฐาน แต่ในข้อเท็จจริงมีใครหยิบตรงนี้ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ในเรื่องพฤติกรรมความร้ายแรงแห่งคดี ประกอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย"

กฤษฎีกาได้ให้ความเห็นแล้วคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ถูกต้อง 

ผมไม่มีความเห็นเรื่องกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ความเห็นใดที่เป็นข้อผูกพันทางกฎหมายทุกหน่วยย่อมถือปฏิบัติ แต่ข้อสังเกตเราก็รับไว้ ก็ต้องมาดูว่าสามารถทำได้หรือไม่"

ยืนยันหรือไม่ขณะนั่งรักษาการผบ.ตร.ออกคำสั่งถูกต้อง -ครบถ้วน

"ครับ ถือเป็นช่วงจังหวะที่ผมมารักษาการ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเป็นช่วงที่ผมอยู่ในจุดนั้นพอดี เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ดุลพินิจพิจารณาจากข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมาย ประกอบระเบียบ คำสั่ง กฎ ก.ตร. ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบแล้ว ดังนั้นผมจึงบอกว่าขอให้ดูข้อเท็จจริง อย่ามุมมองเพียงแค่ว่าอันนี้ผิดหรือไม่ผิด และเป็นสิทธิ์ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะบอกว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องพิจารณาจากข้อมูลหลักฐาน ซึ่งจะพิจารณาได้ว่าคำสั่งนี้ถูกต้องหรือไม่ อยู่ที่องค์กรอิสระและคณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้อง"

สถานการณ์ในสตช.จะสงบ? 

"ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ มีหน้าที่รับคำสั่งมาทำงาน ก็ทำงานไป และทุกวันนี้ก็ทำงานอยู่ตอนนี้เป็น รอง ผบ.ตร. รับหน้าที่ดูแลป้องกันและปราบปราม ผมก็เห็นว่าตำรวจร่วมมือร่วมแรงกันทำงาน ส่วนประเด็นอื่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ย่อมมีการวิพากษ์วิจารณ์ ถือเป็นเรื่องปกติ ผมคิดว่าความขัดแย้งที่คณะกรรมการชุดของ นายฉัตรชัย พรหมเลิศก็ชัดเจนนายวิษณุ ออกมาแถลงว่ามีความขัดแย้งภายในตำรวจจริง"

"แต่เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมา ก็ไม่ได้ปรากฏเรื่องที่ต้องขัดแย้ง ถึงแม้ว่าจะมีรอง ผบ.ตร. ท่านใดกลับมาอีก ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของการกล่าวหา และหลักฐานต่างๆให้เคลียร์ ใครกลับมาผมก็พร้อมจะทำงาน เป็นรองผบ.ตร.ในหน้าที่ที่รับมอบหมาย ส่วนใครจะฟ้องร้องก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ก็เป็นสิทธิ์แก้ต่างไป"

คิดว่าการทำหน้าที่รักษาการผบ.ตร.จะโดนเช็คบิล?

"ไม่ได้เคยคิดว่าถูกเช็คบิล บอกแล้วว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละท่านที่จะดำเนินการทั้งทางกฎหมายและวินัยกับผมได้อยู่แล้วแต่ผมได้ถือปฏิบัติอยู่บนความสุจริตเป็นที่ตั้ง และผมทำเพื่อองค์กร ซึ่งต้องดูเรื่องกฎหมาย ข้อเท็จจริง ระเบียบคำสั่ง มาประกอบแล้ว ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นกับผมก็พร้อมรับ"

มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เป็น ผบ. ตร. คนต่อไป 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หัวเราะและตอบว่า "อย่าใช้คำว่ามั่นใจ แม้แต่คิดยังไม่เคย และไม่มีสัญญาใจอะไร และไม่เคยคิดเรื่องนี้ คิดอย่างเดียวว่า ได้รับหน้าที่อะไรก็ทำอย่างนั้น"

เหมือนจะตายเดี่ยวในรอบนี้  

"ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ไม่มีใครหลุดพ้นความตาย เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อความตายมาเยือน เราต้องพร้อมที่จะรับความตาย แต่เราอยู่ในพื้นฐานความสุจริตใจ และความโปร่งใส ผมปฏิบัติตามหลักนิติธรรมเพื่อองค์กร ดังนั้นก็พร้อมที่จะรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

26มิ.ย.67 มีการประชุมก.ตร.นายกฯเป็นประธาน

"ทราบว่ามีประชุม ก.ตร. และก็ทราบวาระการประชุมแล้ว แต่ขออนุญาตไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องของการประชุม ส่วนที่ประชุมจะอภิปรายหรือมีความเห็นอย่างไรก็สุดแท้แต่ ก.ตร. แต่ละท่านจะพิจารณา"

"บิ๊กโจ๊ก"ร้อง"บิ๊กต่าย"ปมออกคำสั่งไม่ชอบ

วันเดียวกัน  24 มิ.ย.67 เวลา 12.05น.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และพล.ต.ต.อภิสัณห์ หว้าจีน ผู้บังคับการกองวินัย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีลงนามคำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ทั้งหมดได้กระทำผิด พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ในมาตรา 120 วรรค 4 ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 2 ที่มีมติ 10:0 ว่าการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต้องมีความเห็นจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากการให้ออกราชการไปกระทบสิทธิ์ผู้นั้น แต่รักษาการณ์ ผบ.ตร.กลับใช้อำนาจผิด และผิดพลาด ซึ่งมาจากความเร่งรีบ เพราะมีเจตนาพิเศษเพื่อให้ออกจากราชการ เพราะฉะนั้นผู้เซ็นคำสั่งต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ ซึ่งหากจะเล่นงานตนจริง ๆ ก็ต้องกลับไปแก้ไขให้ถูกต้อง คือต้องเพิกถอนคำสั่งที่มิชอบ หากจะต้องการเล่นงานตนเองต่อก็ต้องทำให้ถูก

ยันได้กลับสตช.ไม่ล้างแค้นใคร

ทั้งนี้ หากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยอมมาขอโทษ หรือมาพูดคุยกันก็ยอมรับ แต่ต้องมีการพูดคุยกัน เพราะต้องการให้องค์กรตำรวจสงบ ยืนยันว่า หากได้กลับไปสำนักงานตำรวจ จะไม่มีการล่าหัว ล้างแค้นใคร แต่จะกลับไปทำงาน ซึ่งเป็นสิทธิของตัวเอง

นายกฯต้องทำตามความเห็นกฤษฎีกา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าต้องใช้อำนาจในการดำเนินการ เพราะเคยมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2482 ว่า หน่วยงานราชการใดที่หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานนั้นต้องไปปฏิบัติตาม ซึ่งปัจจุบันยังใช้อยู่ เพราะฉะนั้นหากนายกรัฐมนตรียังละเลย หรือเพิกเฉยอยู่ก็จะใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องเช่นกัน