พีระพันธุ์ เปิดศึก!เรียกผู้บริหารกฟผ.แจงปมขุดถ่านหินแม่เมาะ7.2พันล้าน
รมว.พลังงานเปิดศึก ! ไล่บี้พนักงานประจำ-บอร์ด ตั้ง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร นั่งประธานคณะกรรมการสอบฯ เรียก ผู้ว่าฯกฟผ. แจงปมจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินเหมืองแม่เมาะวงเงิน7.2พันล้านบาท หวั่นอาศัยช่องโหว่สร้างความตื่นตระหนกผู้บริหารกฟผ.
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงนามในคำสั่งที่ 72/2567 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ของ กฟผ. วงเงิน 7,250 ล้านบาท หลังจากมีการร้องเรียนว่า มีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ ฯลฯ (คลิ๊กอ่านที่มา)
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส และเพื่อป้องกันมีให้เกิดความเสียหายต่อ กฟผ. และเพื่อให้เป็นไป ตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39แห่งพงพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ.2511 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาชุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของ กฟผ.ประกอบด้วย
1.พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส.เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
มีกรรมการประกอบด้วย
2.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.)
3.พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ศฝร. บช.น.
พ.ต.อ. ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2
5.พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาลย์ รอง ผบก.ภ.จว.พะเยา
6.พ.ต.อ.เจริญ วิทิตกรกุล ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.5,
7.พ.ต.ท.ศิริพล จรรยา สว.กก.4 บก.สอท.2 เป็นกรรมการ
กรรมการและเลขานุการ ประกอบด้วย
1.พ.ต.อ.เศรษฐพงษ์ จิตต์โกมุท ผกก.กลุ่มงานวิชาการกองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี
2.พ.ต.ท.พินิจ อุ่มบางตลาด รอง ผกก.ฝ่ายกฎหมายและวินัย บก.อก.บช.สอท.
3.นางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังาน
4.นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง นิติกร การรถไฟแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ มีหน้าที่ตรวจสอบ สอบสวน ความเป็นมาทุกขั้นตอนและสอบสวนว่ามีบุคคลใดบ้างที่เกี่ยวข้องในกระบวนการหาผู้รับจ้าง ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับของการว่าจ้าง การตรวจสอบคุณสมบัติ เงื่อนไข การเสนอราคา การอนุมัติการว่าจ้างเป็นไปตามระเบียบหรือไม่
นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบ การบรรจุ การกำหนดวาระการประชุมของคณะกรรมการ กฟผ.รวมทั้งการประชุมการพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการเป็นไปด้วยความระเอียดรอบคอบหรือไม่ มีบุคคลใดบ้างที่เกี่ยวข้องและต้องรับผิดในการดำเนินการแต่ละขั้นตอนหรือไม่ ฯลฯ
ทั้งนี้หากพบว่ามีผู้กระทำผิด หรือมีข้อสงสัยอันควรเชื่อได้ว่าน่าจะกระทำความผิดตามกฎหมายหรือประพฤติมิชอบ หรือไม่ละเอียดรัดกุมเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาดและเกิดความเสียหายต่อ กฟผ.อย่างเพียงพอ รวมถึงเพื่อป้องการการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือเอื้อประโยชน์ให้ดำเนินการ ตรวจสอบบุคคล เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง และเสนอแนะแนวทางตามกฎหมาย โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการภายใน 45 วัน
หลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯดังกล่าว วันที่27ธ.ค.2567 พล.ต.ท.เรวัช ประธานคณะกรรมการสอบสวนทำหนังสือถึงนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อขอความร่วมมือมาให้ถ้อยคำ ข้อเท็จจริง หรือมอบหมายให้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้ปากคำ ข้อเท็จจริงกรณีจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ในวันที่ 2 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานผู้บัญชาการ ตำรวจไซเบอร์ ชั้น 5 องปากเกร็ด จ.นนทบุรี และให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดผลที่ตามมาจากปฏิบัติการสอบสวนข้อเท็จจริงในการจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหิน 7,250 ล้านบาท (คลิ๊กอ่านที่มา)
สำหรับโครงการจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ของ กฟผ. วงเงิน 7,250 ล้านบาทนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2566 ต่อมามีการประมูลจริงเมื่อปี 2567 โดยบริษัท สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลงานไปในมูลค่า 7,170 ล้านบาท
ต่อมา พล.ท.เจียรนัย วงศ์สอาด ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะ กรรมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้คัดค้านการพิจารณาอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ.เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ต่อมามีข้อร้องเรียนและอุทธรณ์ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ยื่นอุทธรณ์และร้องขอความเป็นธรรมในการจ้างงาน โดยกฟผ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นมาเพื่อพิจารณาสอบข้อเท็จจริง กำหนดให้แล้วเสร็จในภาย 30 วัน
ก่อนหน้านั้น นายพีระพันธุ์ มีคำสั่งด่วนที่สุด ถึง ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ให้ระงับการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะสัญญาที่ 8/1 โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 7,250 ล้านบาทไว้ก่อนจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ
ต่อมา กฟผ.ชี้แจงว่า การดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้อาจแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีข้อเสนอไม่ตรง TOR ได้เสนอราคาใหม่
ทั้งนี้ บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ถูกตัดสิทธิ์จากการประมูลเนื่องจากข้อบกพร่อง 3 ประการ
1.เครื่องโม่ดินมีรายงานผลการตรวจสอบสภาพเครื่องจักรกลหลักไม่ครบตามจำนวนที่เสนอ
2.สายพานลำเลียงดินและเครื่องโปรยดินไม่มีแผนการปรับปรุงสภาพก่อนการทำงาน
3.แบบดำเนินการที่เสนอมาขุดนอกขอบเขตพื้นที่การทำงานที่กำหนด
ดังนั้น การยกเลิกประมูลครั้งนี้มีความเสี่ยงต่อการอุทธรณ์และร้องเรียนจากผู้ที่เสนอราคาที่มีข้อเสนอถูกต้องตามเงื่อนไข และอาจทำให้ค่าไฟแพงขึ้น 8 สตางค์ต่อยูนิต
ก่อนหน้านี้ กฟผ.มีหนังสือสอบถาม อิตาเลี่ยนไทยไปในเดือนกันยายน 2566 แต่อิตาเลียนไทยฯแจ้งว่าไม่พร้อมประมูลต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 กลับมีหนังสือแจ้งไปยังกฟผ.ว่าพร้อมประมูล และเมื่อมีการประมูลงานจ้างขุด-ขนถ่านหิน ก็ถูกตัดสิทธิ์ไป และนำมาซึ่งการที่ ทางรัฐมนตรีที่กำกับนโยบายพลังงาน เดินหน้าตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงฯดังกล่าว