posttoday

วิกฤตฝุ่น PM2.5 รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขด้วยกฎหมายอากาศสะอาด

24 มกราคม 2568

วิกฤตฝุ่น PM2.5 ในเดือนมกราคม 2568 ทวีความรุนแรงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเร่งด่วนของคนไทย ส่องความคืบหน้าผลักดันร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2568 เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นวิกฤตสุขภาพของคนไทยอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนมกราคม 2568 ที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางทั่วประเทศ สอดคล้องกับข้อความของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เรียกร้องให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาผ่าน X Ing Shin @ingshin และย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะทราบดีว่านี่คือวิกฤตสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ ระหว่างประชุม WEF ก็ได้มีการหารือกับทีมรัฐบาลในประเทศเป็นระยะและขอให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ไขฝุ่นควันทันที

สำหรับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด โดยผ่านกระบวนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเข้มข้น คณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งอนุกรรมาธิการ 2 ชุดขึ้น เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์

 ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะถูกนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงปลายปี 2567 หากผ่านการพิจารณาจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568  ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศในระยะยาว

ร่างพระราชบัญญัติฯ นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบบริหารจัดการมลพิษที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ลดปริมาณฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศอื่นๆ ทำให้ประชาชนมีอากาศบริสุทธิ์หายใจลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน  สร้างโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ 

สรุปแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีเครื่องมือที่ครบถ้วนในการควบคุมมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษภายในประเทศหรือมลพิษข้ามแดน ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพอากาศและส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชนคนไทยทุกคนในระยะยาว แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองจะจริงใจแค่ไหนต่อปัญหาสุขภาพของคนไทย