Next to know – Inversion Space การส่งพัสดุจากอวกาศ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศมีส่วนช่วยชีวิตประจำวันเรามากมาย ช่วยให้การดำเนินชีวิตทำได้ง่ายขึ้น และกำลังจะได้รับการยกระดับไปอีกขั้น เมื่อปัจจุบันมีการพัฒนาระบบขนส่งให้สามารถส่งพัสดุผ่านอวกาศ และจะพร้อมออกมาให้ใช้งานในปี 2025 ที่จะถึงนี้
การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศก้าวกระโดดขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา เกิดการเดินทางมุ่งสู่อวกาศเพื่อการท่องเที่ยว แนวคิดการอพยพตั้งถิ่นฐานบนดาวดวงอื่น รวมถึงเทคโนโลยีดาวเทียมมากมาย ทั้งหมดได้รับการพัฒนาก้าวกระโดดช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
เราได้รับอานิสงค์จากเทคโนโลยีอวกาศหลากหลายรูปแบบ ทั้งการพยากรณ์สภาพอากาศ ระบบนำทางผ่านดาวเทียม ไปจนระบบอินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่เราพากันคุ้นเคย เมื่อเรากับอวกาศถูกขยับให้ใกล้กันมากขึ้น จนปัจจุบันขอแค่มีเงินพอเราก็สามารถจองตั๋วไปเที่ยวบนอวกาศได้
และในอนาคตเทคโนโลยีกำลังจะได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้น เมื่อจากนี้เราจะมีบริการขนส่งผ่านอวกาศกันแล้ว
เมื่อวันที่ดาวตกลงมาเป็นพัสดุ
ผู้ริเริ่มแนวความคิดนี้คือ Justin Fiaschetti อดีตนักศึกษาฝึกงานจากบริษัท SpaceX กับ Austin Briggs วิศวกรเครื่องกล สองผู้ก่อตั้งไฟแรงอายุ 23 ปี นำไปสู่แนวคิดการพัฒนาเครื่องยนต์และร่มชูชีพใช้สำหรับการส่งพัสดุผ่านอวกาศ และจัดตั้งบริษัท Inversion Space ในที่สุด
แนวคิดการส่งพัสดุนี้อาศัยการพึ่งพาระบบการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศที่ขยายตัวมากขึ้น โดยการส่งจรวดขนาดเล็กติดตั้งลงบนพัสดุและขับเคลื่อนมันไปถึงชั้นบรรยากาศโลก ด้วยระดับความเร็วเหนือเสียง 25 เท่า จากนั้นจึงทิ้งตัวลงมาจากบนฟ้าแล้วพุ่งลงไปยังจุดที่กำหนด ก่อนอาศัยร่มชูชีพทำการชะลอความเร็วเพื่อให้สามารถส่งพัสดุที่ต้องการอย่างปลอดภัย
กระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยจรวดขับเคลื่อนขนาดเล็กเพื่อพาพัสดุขึ้นสู่ฟากฟ้า พร้อมกับร่มชูชีพเพื่อให้พัสดุสามารถลอยลงมาโดยปลอดภัย แต่ก็ต้องอาศัยบรรจุภัณฑ์ที่มีความทนทานค่อนข้างสูง เพื่อสามารถทนแรงเสียดสีจากชั้นบรรยากาศและสามารถส่งของลงมาบนพื้นที่เป้าหมายได้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดยังอยู่ในขั้นพัฒนา
โดยเป้าหมายแรกของทางบริษัทคือการขนส่งพัสดุขนาดเล็กที่ต้องใช้งานเร่งด่วน ต้นแบบของอุปกรณ์ถูกออกแบบให้รองรับพัสดุที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1.2 เมตร ทำให้สิ่งของที่จะสามารถส่งผ่านระบบนี้มีค่อนข้างจำกัด ส่วนนี้เพื่อจำกัดงบประมาณในด้านเครื่องยนต์และเชื้อเพลิงไม่ให้สูงจนเกินไป
ปัจจุบันทางบริษัท Inversion Space ได้เข้าร่วมกับ Y Combinator บริษัทลงทุนและพัฒนาสตาร์ทอัพชื่อดังในสหรัฐฯ ที่ผ่านการปั้นบริษัทเลื่องชื่อขึ้นมามากมาย ตั้งแต่ Reddit, Twitch ไปจนถึง Dropbox ที่ล้วนกลายมาเป็นบริษัทไอทีชื่อดัง มีส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรรมขึ้นมาบนโลกมากมาย และได้รับเงินลงทุนมาแล้วกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจุบันทางบริษัทอยู่ในขั้นตอนพัฒนาโมเดลตั้งต้นของกล่องที่ใช้ในการบรรจุพัสดุที่ต้องการส่งให้สำเร็จในปี 2023 รวมถึงการทดสอบเครื่องยนต์และร่มชูชีพ เพื่อสามารถส่งพัสดุขึ้นสู่อวกาศได้อย่างปลอดภัย โดยโครงการนี้ถูกตั้งเป้าว่าจะสามารถใช้งานบนอวกาศได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2025
หนทางใช้ประโยชน์การขนส่งบนอวกาศ
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยจนพากันตั้งคำถามว่า แม้เทคโนโลยีอวกาศจะพัฒนาขึ้นก้าวกระโดด แต่เราจำเป็นต้องขนส่งผ่านอวกาศกันจริงหรือ? เมื่อในปัจจุบันเราสามารถส่งของในประเทศได้ในเวลาไม่กี่วัน รวมถึงข้ามประเทศได้ในระยะเวลาไม่ถึงอาทิตย์ จนหลายคนอาจมองว่านี่เป็นเรื่องขำขันกันไปบ้าง
แต่แท้จริงเทคโนโลยีนี้มีความสำคัญมากในการขนส่งภายใต้เวลาจำกัดโดยเฉพาะด้านการแพทย์
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเทคโนโลยีขนส่งผ่านอวกาศคือการขนส่งอุปกรณ์การแพทย์ โดยเฉพาะอวัยวะที่ใช้ในการเปลี่ยนถ่ายแก่ผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เราต่างทราบดีว่าขั้นตอนเฝ้ารอการเปลี่ยนอวัยวะใช้เวลายาวนาน อีกทั้งโอกาสในการหาผู้บริจาคตรงตามคนไข้เป็นเรื่องยาก อวัยวะของผู้บริจาคแต่ละคนจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมาการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหลายครั้งมีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง หากผู้บริจาคเสียชีวิตกะทันหันจำเป็นต้องทำการปลูกถ่ายอวัยวะเร่งด่วน เพราะเมื่อปล่อยผ่านเวลานานเกินไปเนื้อเยื่อจะตายอวัยวะชิ้นนั้นเสียหาย ซึ่งบางครั้งคนไข้เตรียมตัวไม่ทันหรือเกิดเหตุขัดข้องจนไม่สามารถรับบริจาคได้ ก็อาจทำให้อวัยวะอันล้ำค่าต้องสูญเปล่า
โครงการขนส่งผ่านอวกาศจะมาช่วยเหลือในจุดนี้ ด้วยการบินขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศแล้วนำมาลงจอด ทำให้สามารถส่งหาถึงมือผู้ป่วยที่สภาพร่างกายพร้อมได้ทั่วทุกพื้นที่ ช่วยเพิ่มโอกาสในรักษาชีวิตคนไข้อย่างก้าวกระโดด รวมถึงทำให้ความตั้งใจของผู้บริจาคไม่สูญเปล่า ทำให้ตัวผู้บริจาครวมถึงญาติรู้สึกว่าการเสียสละของพวกเขาช่วยชีวิตใครบางคนไว้
นั่นคือจุดหมายสำคัญของโครงการนี้เพื่อให้การส่งผ่านอวัยวะทั้งหลายไปถึงโรงพยาบาลได้รวดเร็ว เมื่อมีความจำเป็นต้องผ่าตัดหรือทำการใช้งาน อีกทั้งการขนส่งผ่านแรงโน้มถ่วงต่ำเหมาสำหรับอวัยวะหรือเครื่องมือละเอียดอ่อน เนื่องจากมีโอกาสเกิดความเสียหายระหว่างขนส่งได้น้อยมาก เมื่อเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาได้สำเร็จ
นอกจากใช้ในการขนส่งอวัยวะแล้วยังสามารถขนส่งเครื่องมือทางการแพทย์ฉุกเฉินได้รวดเร็ว เพื่อให้โรงพยาบาลขนาดเล็กหรือพื้นที่ห่างไกลขาดแคลนสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ต้องการได้ทันท่วงที สามารถส่งอุปกรณ์หลายชนิดนำไปใช้งานเร่งด่วนในการกู้ภัย ทั้งสำหรับกรณีเกิดภัยธรรมชาติรวมถึงวิกฤติการณ์ที่ต้องอาศัยเครื่องมือกู้ชีพฉุกเฉิน
แน่นอนในปัจจุบันโครงการของ Inversion Space ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ต้องจับตามองต่อไปว่าจะประสบความสำเร็จนำมาใช้งานได้เพียงไร แต่ช่วยขยายความเป็นไปได้ใหม่ทั้งแก่วงการโลจิสติกส์, การแพทย์ รวมถึงการกู้ภัยให้กว้างขวางขึ้น อาจช่วยให้เรารักษาชีวิตได้เพิ่มเติมอีกมากในอนาคต
โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันจากภาวะโลกร้อน การขนส่งสิ่งของจำเป็นให้แก่พื้นที่แพร่ระบาดโรคโดยไม่ต้องมีการสัมผัส รวมถึงช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่สงครามเร็วกว่าเคย อาจช่วยทำให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือรวดเร็ว ไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกหลังเกิดความเสียหายกับโครงสร้างพื้นฐานได้โดยง่ายแบบในตอนนี้
อย่างไรก็ตามคงต้องมาดูกันก่อนว่าโครงการขนส่งผ่านอวกาศนี้จะสามารถเป็นจริงได้แค่ไหน