Microcars อีกหนึ่งทางออกของปัญหาโลกร้อนและรถติด
ทุกประเทศที่เมืองใหญ่ล้วนประสบปัญหาการจราจรคับคั่ง นี่คือส่วนที่ส่งผลต่อมลพิษทางอากาศและภาวะโลกร้อนโดยตรง หลายประเทศต่างมองหาทางแก้ไข จนปัจจุบันจึงเริ่มมีการหยิบเอา Microcars ขึ้นมารองรับการจราจรที่คับคั่ง
โลกร้อนเป็นปัญหาที่เราต้องประสบอยู่ทุกวัน หลายประเทศพากันผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าเชื่อว่านี่คือทางแก้ปัญหาบรรเทาผลกระทบ แต่พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ต้องแก้ปัญหารรถคับคั่ง แก้ไขปัญหาการจารจรติดขัดซึ่งเกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ทั่วทุกมุมโลกด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางแนวทางแก้ปัญหามากมาย หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับการหยิบยกมาพูดคือ Microcars อาจกลายเป็นแนวทางแก้ปัญหา
Microcars ตัวเลือกสายกลางในการแก้ปัญหาจราจร
เมื่อเมืองมีขนาดใหญ่ประชากรอาศัยมากย่อมทำให้มีรถสัญจรมากนำไปสู่การจราจรติดขัด ด้วยเหตุนั้นความพยายามในการแก้ปัญหารถติดเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่บาร์เซโลน่ากับเขตปลอดรถยนต์อนุญาตเฉพาะคนเดินเท้ากับจักรยาน, นิวยอร์กกับวันปลอดรถยนต์, ลอนดอนกับเขตปลอดมลพิษ หรือปักกิ่งกับการสลับวันขับรถ เป็นต้น
แนวคิดเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องผิดเมื่อการสัญจรบนท้องถนนคือตค้นตอแห่งสารพันปัญหา ทั้งในด้านความแออัดบนท้องถนนหรือปัญหาด้านมลพิษในปัจจุบัน แต่การห้ามไม่ให้ใช้รถยนต์เลยอาจเป็นเรื่องสุดโต่งมากเกิน จึงเริ่มมีแนวคิดในการผลักดัน Microcars เพื่อมาใช้แทนรถยนต์ด้วยเช่นกัน
Microcars คือ รถยนต์ขนาดเล็กที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่า Minicars โดยเป็นรถ 3 หรือ 4 ล้อที่มีเครื่องยยนต์ขนาดเล็กกว่า 700 cc เน้นรองรับการใช้งาน 1 – 2 ที่นั่ง มีจุดเด่นด้านขนาดรถที่เล็กกะทัดรัดทำให้มีความคล่องตัวสูงและกินพลังงานน้อย ถือเป็นพาหนะที่ตอบโจทย์แก่ยุคสมัยใหม่
ความนิยมในรถยนต์ขนาดเล็กเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ Microcars ทั้งจากประเทศในยุโรปและจีน หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเองก็มีแนวคิดย่อส่วนรถยนต์ให้เล็กลงโดยเรียกว่า Kei Car ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารถยนต์ตามปกติด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ากระแสรถยนต์ขนาดเล็กไว้ใช้งานในเมืองกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก
Microcars รุ่นใหม่ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาในปัจจุบัน
สภาพการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ผลักดันเทคโนโลยี Microcars ให้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เริ่มจาก Squad Mobility บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติเนเธอร์แลนด์ในก่ารพัฒนา Solar City Car ให้เป็น Microcars ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 350 กิโลกรัม ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีจุดเด่นในด้านพลังงานขับเคลื่อน ที่นอกจากใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้ายังมีแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาเพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทาง
ไม่เพียงรถยนต์ 4 ล้อซึ่งใช้กันทั่วไป Microcars ยังมีการพัฒนาออกมาในรูปแบบ 3 ล้ออย่าง Nimbus One กับน้ำหนักเบาหวิว 330 กิโลกรัมและความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จุดเด่นของ Microcars คันนี้คือ ความสามารถในการเลี้ยวโค้งในมุมแคบ ช่วยให้การตัดผ่านตรอกซอกซอยและพื้นที่ขนาดเล็กในตัวเมืองทำได้สะดวกขึ้น
นอกจากจะได้รับความสนใจจากบรรดาบริษัทใหม่และสตาร์ทอัพ Microcars ยังถูกจับตามองจากบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เจ้ายักษ์ เช่น Citroen หรือ BMW เองต่างเคยผลิต Microcars ออกมาวางจำหน่ายนับแต่ปี 1950 น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานั้นรถสไตล์นี้ยังไม่ได้รับความนิยม เป็นเหตุให้สายการผลิตต้องหยุดลงในที่สุด
ตรงข้ามกับปัจจุบันซึ่งตลาดกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายของ Microcars กำลังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าภายในปี 2030 มูลค่าทางการตลาดอาจพุ่งไปถึง 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์(ราว 4.8 แสนล้านบาท) จึงถือเป็นตลาดใหม่สำหรับรถยนต์ที่ผู้ประกอบการหลายเจ้าต้องการเข้ามามีส่วนร่วม
จึงไม่น่าแปลกเมื่อหลายบริษัทพากันเปิดตัว Microcars เพื่อเข้ามาบุกตลาดรถยนต์ชนิดใหม่มากขึ้น
จุดเด่นของ Microcars ที่กำลังได้รับความสนใจ
ความนิยมของ Microcars จากในหลายประเทศจากความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน นั่นทำให้บริษัทรถที่ทอดทิ้งตลาดนี้ไปครั้งหนึ่งยังหันกลับมาสนใจ จึงอาจทำให้หลายท่านเกิดข้อสงสัยกันมาบ้าง เราจึงจะมาไล่ข้อดีของ Microcars ที่ทำให้ได้รับความนิยมในปัจจุบันกันเสียหน่อย
1.ไม่ติดข้อจำกัดแบบรถยนต์ทั่วไป
ดังที่บอกไปข้างต้นว่ารถยนต์ส่วนบุคคลหลายส่วนเริ่มมีข้อกำหนดและจำกัดการใช้งาน เพื่อลดมลพิษในอากาศและความแออัดบนท้องถนนซึ่งกำลังบังคับใช้ในหลายประเทศ แต่ Microcars ถือเป็นข้อยกเว้นจึงอาจเป็นยานพาหนะใช้งานในเมืองที่ได้รับการผลักดันทดแทนในอนาคต
2.คล่องตัวสูง ใช้งานสะดวก
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Microcars คือ ขนาดกระทัดรัดและความคล่องตัวสูง ช่วยให้ลัดเลาะเข้าไปในพื้นที่แคบ ช่องว่าง หรือตรอกซอกซอยต่างๆ สะดวก เหมือนที่ทาง Nimbus ชูจุดเด่นด้านการเลี้ยวโค้งจากการเป็นรถสามล้อ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอนาคต
3.ใช้งานง่าย ความปลอดภัยค่อนข้างสูง
เปรียบเทียบกับรถยนต์ทั่วไป Microcars ถูกจัดว่าใช้งานง่าย ด้วยเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันทำให้ตัวรถมีขีดความสามารถมากขึ้น ประกอบกับระยะทางและความเร็วสูงสุดของรถที่ไม่เกิน 70 -80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต่อให้เกิดอุบัติเหตุก็ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใช้งานนัก
4.ไม่ต้องใช้ใบขับขี่(ในบางประเทศ)
สำหรับประเทศในยุโรปบางแห่ง กฎหมายอนุญาตให้เด็กอายุ 14 ขับขี่ยานพาหนะ 4 ล้อ ที่มีขนาดเล็กและความเร็วสูงสุดไม่เกินที่กำหนด กล่าวคือ ในบางประเทศ Microcars สามารถขับขี่และใช้งานได้แม้ไม่มีใบอนุญาต เพิ่มความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น
5.ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง
ดังที่เราทราบว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แม้จะใช้งานพลังไฟฟ้าแต่ราคาพลังงานพุ่งสูงต่างเป็นปัญหาหนักใจแก่ทั่วทุกมุมโลก บางท่านมองหาทางลดค่าใช้จ่ายด้วยการเปลี่ยนรถที่ใช้งาน Microcars จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความสนใจยิ่งขึ้น
6.สภาพสังคมในปัจจุบัน
สาเหตุสำคัญทำให้ในอดีต Microcars ไม่ได้รับความนิยมคือ สภาพความเป็นอยู่และสังคมที่เปลี่ยนไป ในปี 1950 ที่รถคันนี้เพิ่งออกในช่วงแรก การสัญจรในเมืองยังไม่แออัด กฎระเบียบข้อบังคับมีน้อย และสภาพสังคมอยู่รวมกันเป็นครอบครัวจึงต้องการรถที่ใหญ่กว่า แตกต่างจากปัจจุบันที่คนนิยมไม่มีลูกหรืออยู่เป็นโสดมากขึ้น รถที่มีที่นั่งน้อยจึงตอบโจทย์พวกเขามากกว่านั่นเอง
ถึงตรงนี้หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า ถ้าหลายประเทศมองว่า Microcars เป็นคำตอบจะสามารถนำมาใช้ในไทยได้หรือไม่ ส่วนนี้อาจเป็นเรื่องยากอยู่เสียหน่อยเมื่อในไทยรถประเภทนี้อาจไม่ได้รับความนิยมนัก เมื่อการมุดตรอกซอกซอยแก้ปัญหารถติดและพื้นที่แคบ เรามียานพาหนะที่รับหน้าที่ส่วนนี้อยู่แล้วอย่าง มอเตอร์ไซค์ นั่นเอง
ดังนั้นสำหรับประเทศไทยการเติบโตของตลาด Microcars อาจไม่มากนัก อย่างน้อยก็จนกว่าจะเอาชนะความนิยมในมอเตอร์ไซค์ได้เสียก่อน
ที่มา
https://www.autodeft.com/deftanswer/what-is-kai-car-small-size-car-in-japan