4 สารที่ควรเฝ้าระวัง ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เกินกำหนด
ผิวหนังเปรียบเสมือนกำแพงด่านหน้าที่คอยปกป้องร่างกายจากภายนอกรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ในเด็กทารกการยึดติดกันของเซลล์ยังไม่แข็งแรงทำให้ผิวหนังเกิดตุ่มน้ำได้ง่าย และมีโอกาสติดเชื้อได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเด็กๆโตขึ้นร่างกายจะมีปัจจัยหลายๆอย่างในการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เช่น สภาวะการเป็นกรดของผิวหนังที่พอดี (pH 5) จะช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย แบคทีเรียประจำถิ่นที่คอยยับยั้งแบคทีเรียกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรค
อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวหนังให้สะอาดและมีสุขภาพดีในทุกๆ วัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน บางครั้งการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากความคุ้นเคย ราคาและโปรโมชั่น โดยไม่ได้อ่านฉลากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ อาจได้รับสารเคมีบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
สารใดบ้างที่ควรเฝ้าระวัง และอาจก่อให้เกิดอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เกินกำหนด
1. Sodium Lauryl Sulfate หรือ SLS โซเดียมลอริลซัลเฟต เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรกและคราบไขมันหลุดออกได้ง่าย ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด เช่น สบู่ แชมพู ครีมล้างหน้า และยาสีฟัน จากการวิจัยพบว่าหากความเข้มข้นของสารที่ใส่ในผลิตภัณฑ์มีปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่สัมผัส โดยการระคายเคืองจะเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ยังมีรายงานในสัตว์ทดลองพบว่าความเข้มข้นของสาร SLS ในปริมาณที่สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดสิว และถ้าล้างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร SLS ออกช้าหรือไม่ล้างออก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา จากที่มีการแชร์ข่าวทางโซเชียสมีเดีย และอีเมลลูกโซ่ ถึงภัยจากสาร SLS ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดๆ สรุปชัดเจนเรื่อง สาร SLS และความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในคน ในประเทศไทยยังคงให้ใช้สาร SLS ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ โดยต้องมีความเข้มข้นที่ใช้ได้ปลอดภัยในปริมาณที่กำหนด ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร SLS ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ว่า SLS-Free หรืออาจเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเป็น Sodium Laureth sulfate หรือ SLES ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า SLS และยังไม่มีข้อมูลความเสี่ยงเกี่ยวกับการเป็นสารก่อมะเร็ง
2. Parabens สารกลุ่มพาราเบน เป็นสารกันเสีย (Preservative) มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางเสียง่าย นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมโกนหนวด น้ำยาดัดผมถาวร ยาสีฟัน และยาระงับกลิ่น เนื่องจากเคยมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม และตรวจพบพาราเบนในเซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของพาราเบนจะก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือไม่ ในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขยังรับรองให้ใช้สารในกลุ่มพาราเบนได้ 4 ชนิดในปริมาณที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากมีข้อถกเถียงกันถึงความปลอดภัยของพาราเบน ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารชนิดอื่นที่ผลิตจากธรรมชาติเป็นสารกันเสียแทน โดยไม่มีส่วนผสมของพาราเบน หรือ Paraben-free
3. Methylisothiazolinone หรือ MIT เมทิลไอโซไทอะโซลิโนน เป็นสารกันเสีย (Preservative) มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ในแชมพู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมอาบน้ำ เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และผ้าเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็ก MIT เป็นสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดการแพ้ได้ง่าย สำหรับประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมให้ใช้ MIT ในความเข้มข้นที่กำหนด และให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วต้องล้างออกเท่านั้น
4. Triclosan ไตรโคลซาน เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาสีฟัน เครื่องสำอาง มีฤทธิ์ช่วยลดหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหงือกอักเสบ แต่หากใช้ปริมาณที่เกินกำหนดจะทำให้เกิดพิษ มีรายงานในสัตว์ทดลองว่าทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติ มีผลกับการทำงานของหัวใจ และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไตรโคซานเป็นระยะเวลานานจะมีความเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา
ปัจจุบันสารเคมีเหล่านี้ยังคงถูกใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จำหน่ายในเมืองไทย บางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้และมีสารระคายเคืองตกค้าง พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเด็ก กล่าวแนะนำว่า "การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรอ่านฉลากทุกครั้ง เพื่อดูส่วนผสมของสารที่อาจเกิดอันตราย ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรมีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงผิวหนัง มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ และวันเดือนปีที่ผลิต รวมถึงวันหมดอายุที่ชัดเจน หากเป็นผลิตภัณฑ์ของเด็ก ควรผ่านการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับเด็กและทารก ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือสารกันเสีย ที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวลูกน้อย".
เอกสารอ้างอิง
1. ความปลอดภัยของสาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ในเครื่องสําอาง ศูนย์วิทยบริการ สำนักคณะกรรมการอาหารและยา http://elib.fda.moph.go.th/library/default.asp?page2=subdetail&id_L1=27&id_L2=15755&id_L3=3113
2. Parabens as urinary biomarkers of exposure in humans: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1764178/
3. สารเคมีในชีวิตประจำวัน สารกันเสีย : http://oldweb.pharm.su.ac.th/chemistry-in-life/d003.htm
4. Parabens : https://www.cdc.gov/biomonitoring/parabens_factsheet.html
5. Safety of ingradients used in cosmetics. J Am Acad Dermatol 2005 Jan;52(1):125-32.
6. Exposure to chemicals in Cosmetics : http://www.breastcancer.org/risk/factors/cosmetics
7. 5 Things to how about triclosan https://www.fda.gov/ForConsumers/ConsumerUpdates/ucm205999.htm
8. Antibacterial soap? You can skip it. Use palin soap and water. https://www.fda.gov/ForConsumers/ConsumerUpdates/ucm378393.htm
9.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ฉบับที่ 4 เล่มที่ 132 หน้า 16 ฉบับปรับปรุงปี 2559