นายณ์เอสเตท จับมือ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดตัว “โครงการปัน-PUNN Smart Workspace”
นายณ์เอสเตท จับมือ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดตัว “โครงการปัน-PUNN Smart Workspace” เวิร์กสเปซแนวคิดใหม่เจาะกลุ่มคนทำงานในเมือง ทำเลทองบน ถ.พระราม 4
สองบิ๊กอสังหาฯ “นายณ์ เอสเตท (Nye Estate)” และ “แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN)” จับมือครั้งสำคัญ พร้อมเปิดตัวออฟฟิศแนวคิดใหม่ “โครงการปัน - PUNN Smart Workspace” บนทำเลทองใจกลางเมืองย่านพระราม 4 เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตและทำงานในเมือง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Co- Growing Space พื้นที่ทำงานที่ให้ความเป็นส่วนตัว พร้อมประโยชน์ใช้สอยสูงสุดจากพื้นที่ส่วนรวม ด้วยขนาดพื้นที่เช่ากว่า 22,600 ตร.ม. สูง 28 ชั้น มูลค่าโครงการ 3,900 ล้านบาท พร้อมอวดโฉมไตรมาส 2 ปี 2566
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(LPN) และกรรมการบริหาร บริษัท ดลศิริ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ ในอนาคตที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง ความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ทำงาน และมีต้นทุนการเช่าที่ไม่สูงนัก ส่งผลให้โครงการออฟฟิศในคอนเซ็ปต์กึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซ (Co-Working Space) เป็นคำตอบของคนทำงานรุ่นใหม่ และมีความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายทำเล
ด้วยแนวคิดการพัฒนาโครงการที่เน้นตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคและสอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป นำมาซึ่งความร่วมมือกันครั้งสำคัญของทั้ง บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด และ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)(LPN) ที่ร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่การทำงานสำหรับคนรุ่นใหม่ ในชื่อ “โครงการปัน - PUNN Smart Workspace” ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองที่แวดล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักอาศัย โรงพยาบาล สำนักงานต่าง ๆ สวนสาธารณะ และรถไฟฟ้า MRT คลองเตยเพียงแค่ 200 เมตร
“โครงการนี้ พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ออฟฟิศกึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซ (Co-Working Space) ขนาดพื้นที่เช่ากว่า 22,600 ตารางเมตร ซึ่งออกแบบให้เป็นออฟฟิศแนวคิดใหม่ที่รองรับการทำงานแห่งอนาคต เน้นความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยมีพื้นที่ทำงานที่ให้ความเป็นส่วนตัว และยังได้ใช้สอยประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ส่วนรวม โดย PUNN (ปัน) ยังออกแบบสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานด้วยการดึงพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ ทั้งภูมิทัศน์ด้านหน้าโครงการสวยงามจากสวนสาธารณะขนาดย่อม ภายใต้คอนเซ็ปต์ POPS หรือ Privately Owned Public Spaces เพื่อ “ปัน” พื้นที่เอกชนให้สาธารณะร่วมใช้ประโยชน์จากความสวยงามและร่มรื่นของต้นไม้ภายในโครงการ มากกว่าความสวยงามจากพื้นที่สีเขียวที่สร้างขึ้น” นายสุรวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่เช่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ออฟฟิศกึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซ ดังกล่าว ยังได้แบ่งพื้นที่ 2 ชั้น จาก 28 ชั้น ขนาดพื้นที่ 2,300 ตางรางเมตร(ตร.ม.) เพื่อทำให้เป็น โคเวิร์กกิ้งสเปซ ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะส่วนนี้ได้ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 3,900 ล้านบาท
ในส่วนของตัวโครงการยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานระดับสากล LEED® (Leadership in Energy and Environmental Design) มาใช้ในการออกแบบและก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสุขภาพ และการอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยหนึ่งในแนวคิดที่ใช้พัฒนาโครงการ PUNN คือแนวคิด 6 กรีนของ LPN ตั้งแต่กระบวนการออกแบบและการดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด ประกอบด้วย Green Enterprise ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและทุนมนุษย์ Green Design Concept ออกแบบผลิตภัณฑ์ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม Green Financial Management กำหนดผลตอบแทนและการเติบโตขององค์กรให้เหมาะสม Green Marketing Management การตลาดที่เป็นธรรมกับผู้บริโภคและคู่แข่ง Green Construction Process จัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมในทุกกระบวนการก่อสร้าง และสุดท้าย Green Community Management ดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในโครงการ
“ในระหว่างการก่อสร้างโครงการปันนี้ ได้มีการนำต้นแบบของ 6 กรีน LPN สอดแทรกเข้าไปในทุกกระบวนการ ตั้งแต่แนวคิดการออกแบบไปจนถึงการก่อสร้าง เริ่มจากการออกแบบเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีการประหยัดน้ำถึง 40% เมื่อเทียบกับสุขภัณฑ์อื่น ๆ พร้อมติดตั้งมิเตอร์น้ำแยกระหว่างภายในและภายนอกอาคาร เพื่อตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำ” นายสุรวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ ทางโครงการปันได้เลือกใช้สารทำความเย็นในระบบปรับอากาศภายในอาคาร ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศโลก และมีการติดตั้งเครื่องวัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ภายในอาคาร พร้อมมีมาตรฐานการป้องกันฝุ่นจากภายนอกอาคาร ขณะที่ในกระบวนการก่อสร้างได้ควบคุมมลพิษในพื้นที่การก่อสร้างอย่างเคร่งครัด มีการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ การเลือกใช้วัสดุที่มีค่าการปล่อยสารระเหย (VOC) ต่ำ และเลือกวัสดุที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล 20% ในการก่อสร้างโครงสร้างและงานสถาปัตยกรรม โดยวัสดุดังกล่าวจะต้องผลิตขึ้นในประเทศ ภายในระยะทางไม่เกิน 160 กิโลเมตรจากโครงการ เพื่อลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ตัวขยะที่เกิดจากการก่อสร้างทั้งหมด จะได้รับการบริหารจัดการเพื่อนํากลับไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากกว่า 75% สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของการรับรองมาตรฐานอาคาร รวมถึงควบคุมสวัสดิภาพภายในและภายนอกพื้นที่
โครงการ PUNN เป็นเวิร์คกิ้ง สเปซ แนวคิดใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนทำงานรุ่นใหม่ในเมืองได้ครบทุกด้าน ทั้งการออกแบบอาคารรักษ์โลก สภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันโครงการปันอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าแล้วเสร็จ และพร้อมให้บริการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2566