กฟผ. ชี้เททุกหน้าตักเทคโนโลยีมาช่วยกันแก้วิกฤตสภาพอากาศ

เอาจริงๆทุกประเทศในโลกวันนี้ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าที่เขียนแผนกันมาทั้งหมด ทำเสร็จแล้วแก้ได้ไหม เพราะฉะนั้นทุกประเทศเหมือนกันหมดคือ มีอะไรเทหมดหน้าตัก

นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวบนเวที Innovation Keeping the World นวัตกรรมรักษ์โลก สู้ภาวะโลกเดือด ในเซสชั่น ร่วมขับเคลื่อน Climate Tech สู่เป้าหมาย Net Zero จัดโดย สปริงนิวส์ ที่ SCBX NEXT STAGE @ NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน 

ตนมองว่า เวลานี้ทั่วโลกเหมือนกันหมด ที่ต่างระดมสรรพกำลังเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน ชนิดติดสปีด

สำหรับตนได้แบ่งเทคโนโลยีทั้งหมดออกเป็น 3 เฟสคือ

1. เทคโนโลยีที่ใช้ได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว เช่น EV โซลาร์เซลล์ หรือพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการผลิตพลังงาน เช่น ประเทศไทยอยู่โซนใกล้แสงอาทิตย์ ก็ใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ดี แต่ต้องทำให้มันเสถียรด้วยการใช้ Grid Modernization และวันนี้มันคุ้มค่ากับการลงทุนแล้ว

2. เทคโนโลยีที่ใช้ได้แล้วแต่ยังมีราคาแพงอยู่ ยังนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ไม่ได้ เช่น พลังงานไฮโดรเจน อย่างบ้านเราที่ ปตท. กำลังทำอยู่ก็คือเรื่องของ บลู ไฮโดรเจน (Blue Hydrogen) ก็คือก๊าซธรรมชาติ และอีกอย่างคือ เทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอนคาร์บอน หรือ CCS  และ CCUS ที่ยังมีต้นทุนสูงและยังนำมาใช้ประโยชน์ได้น้อยมาก แต่ก็มีข่าวดีว่า ทางยุโรปได้ออกมาประกาศว่า เริ่มทำเทคโนโลยีนี้มาใช้ได้ในระดับพาณิชย์ หรือ เทคโนโลยีอย่างพลังงานนิวเคลียร์ 

3. เทคโนโลยีที่ยังดำเนินการวิจัยอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ เช่น ฟิวชั่นเอนเนอจี้  (Fusion Energy) หรือ การสร้างดวงอาทิตย์เทียมที่อาจใช้ได้ในรุ่นเหลน

ส่วนปัญหาของประเทศไทย เรายังมีข้อจำกัดในเรื่องของวัตถุดิบ เพราะฉะนั้นในเมื่อเรายังไม่สามารถทำเองได้หรือคิดค้นได้ แต่เรารอไม่ได้แล้วสิ่งที่ทำได้ก็คือเราต้องไปหานวัตกรรมจากที่อื่นในโลกมาเพื่อนำไปต่อยอด หรือเข้าไปร่วมทุนร่วมสร้างนวัตกรรมนั้นขึ้นมาเพื่อเร่งสปีดให้เกิดการใช้งานได้ไวขึ้น และถึงจุดคุ้มทุนจนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ต่อไป เพราะนี่คือเรื่องเร่งด่วนที่รอไม่ได้แล้ว