ปักหมุดเที่ยว ‘ไทเป’ เมือง Smart City แบบฟรีวีซ่า

นอกจากชานมไข่มุก ของกินที่ทั้งถูกและดี และสถานที่ท่องเที่ยวอันน่ารื่นรมย์  ‘ไทเป’ ในฐานะเมืองหลวงของไต้หวัน ในยุคนี้ยังโดดเด่นด้วยความเป็น ‘Smart City’ ที่ไม่ใช่แค่การที่มีบริษัทผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่สะท้อนผ่านสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในเมืองได้ อู้หู

โพสต์ทูเดย์จึงจะพาเลาะว่าถ้าหากไปที่ไทเป ให้ลองสังเกตความสมาร์ทในเมืองแห่งนี้กันหน่อย

 

 

• สังเกตวิธีจัดการขยะ 

เพราะไต้หวันคือผู้นำการรีไซเคิล จึงมีการจัดการกับขยะได้เริดมาก โดยสามารถนำของเสียในเมืองมารีไซเคิลได้มากถึงร้อยละ 50  หากใครที่มาอยู่ไต้หวันแรกๆ อาจจะงงในระบบการจัดการ  โดยที่คนที่นี่เวลาจะทิ้งขยะจะต้องมีการซื้อถุงที่แยกขยะซึ่งแบ่งเป็นสีๆ ไว้ หากอยู่ในไทเปสีของถุงขยะจะเป็นสีฟ้า ส่วนถ้าอยู่ในดงของเมืองใหม่จะเป็นสีชมพู  ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อต่างๆ และจะบอกว่าที่นี่ได้รวมค่าจัดการขยะไว้กับเวลาที่คุณซื้อถุงไปแล้ว

เวลาจะทิ้งขยะแต่ละบ้านของไต้หวันต้องมีการแยกขยะ และพวกเขาจะรู้ว่ารถขยะคันไหนไว้ทิ้งขยะธรรมดา อันไหนทิ้งขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ เป็นต้น ซึ่งระเบียบดังกล่าวก็ถูกนำมาใช้กับนักท่องเที่ยวด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวจะต้องแยกขยะเวลาทิ้ง .. ใครบ่น ก็จะบอกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะจ๊ะ

 

• ระบบขนส่ง 3U Green Shared Transportation 

3U Green Shared Transportation เป็นบริการขนส่งที่เน้นการใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งเป็น

1. YouBike ระบบเช่าจักรยานสาธารณะ
2. U-Motor ระบบเช่าสกูตเตอร์ผ่านแอปพลิเคชัน
3. U-EV จุดให้บริการชาร์ตพลังงานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และในอนาคตจะมีการแชร์รถยนต์ไฟฟ้าร่วมกันอย่าง U-Car  นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะมีการคิดค่าจอดรถยนต์ไฟฟ้าเฉพาะในพื้นที่สาธารณะเท่านั้น   

นอกจากนี้ยังมีเสาไฟฟ้าสำหรับ ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในที่จอดรถสาธารณะ ,  ป้ายบอกทางและข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆ รวมไปถึง ป้ายบอกเวลารถเมล์แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถบอกเวลาได้เป๊ะปังมาก!

 

 

• ​​​​​​Smart Payment

ที่นี่มีระบบ Smart Payment ให้แก่ประชาชนในการจ่ายค่าบริการต่างๆ ของรัฐเบ็ดเสร็จในที่เดียว ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถจ่ายเงินได้แบบสะดวกเช่นกัน โดยการใช้ Easy Card/ ipass ซึ่งเป็นบัตรเดียวที่สามารถใช้ได้ทุกแห่งหนไม่ว่าจะซื้อของ ทานอาหาร ก็รับหมด ซึ่งสามารถเติมเงินได้ในสถานที่ต่างๆ อย่างร้านสะดวกซื้อ หรือสถานีรถไฟใต้ดิน

 

 

• ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ ฮว่าซาน

สิ่งที่ Smart City ขาดไม่ได้ก็ยังต้องประกอบด้วยสถานที่ที่ทำให้เมืองนั่นรื่นรมย์ ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซาน เป็น Creative Park ประกอบด้วยการจัดแสดงนิทรรศการ และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่ตั้งของร้านอาหาร หอศิลป์ ร้านค้าที่จัดแสดงและจัดหน่ายมากมาย อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สำหรับปล่อยเช่า ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไต้หวัน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเกิดขึ้นจากการสนับสนุนของภาครัฐ เพื่ออยากสร้างสถานที่พักผ่อนให้แก่ประชาชนนั่นเอง 

การเกิดขึ้นของ Creative Park นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการสนับสนุนของทางภาครัฐ โดยกระทรวงวัฒนธรรมของไต้หวันอยากสร้างสถานที่เพื่อพักผ่อนแก่ประชาชน และสร้างพื้นที่ปล่อยของให้กับเหล่าศิลปิน ช่างฝีมือ นักดนตรี และเหล่านักออกแบบ ให้มีที่ทางของตัวเอง เพราะมองเห็นถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเหมือน Soft Power ซึ่งนำไปพัฒนาประเทศได้

 

 

นอกจากนี้ ไทเปยังมีพื้นที่สีเขียวอยู่มาก อย่างหนึ่งต้องยอมรับว่าตามข้างทางของไต้หวันมีต้นไม้มากเนื่องจากไม่มีเสาไฟฟ้าต้นสูง ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าต้นไม้จะเกี่ยวกับสายไฟแต่ประการใด และรัฐบาลยังมีโครงการปรับเปลี่ยนที่ว่างเป็นสวน เช่นสวน Happy Farm ซึ่งอยู่ใกล้กันกับถนน Fujin Street มีการทำแปลงผักเกิดขึ้นกลางเมืองด้วย ไม่นับสวนสาธารณะดาอัน ซึ่งถือว่าเป็นปอดของไทเปด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 160 ไร่ใจกลางเมืองหลวง

 

 

ทั้งนี้สำหรับประชาชนในไต้หวันเอง ยังมีบริการต่างๆ ที่รัฐจัดสรรให้สะท้อนแนวคิด Smart City ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านสวัสดิการ สุขภาพ และความสะดวกสบายอีกไม่น้อย ซึ่งแม้จะเป็นรายละเอียดแต่ก็น่าสนใจ เช่น

• ศูนย์ออกกำลังกายอัจฉริยะ คนไต้หวันสามารถจองคิวเรียนออกกำลังกาย พร้อมรับคำแนะนำการออกกำลังเฉพาะบุคคลผ่านออนไลน์
• ร้านขายยาอัจฉริยะ ทั้งระบบเคาน์เตอร์จ่ายยาอัจฉริยะ ตู้จ่ายยาอัจฉริยะต่างๆ ภายในร้านขายยา
• ระบบเตือนฉุกเฉินเมื่อผู้สูงอายุหกล้ม
•  แอปพลิเคชันขอเติมยา ที่ให้ผู้ป่วยเรื้อรังที่ได้รับใบสั่งยาต่อเนื่องสามารถกดขอเติมยาเมื่อใกล้หมด และไปรับได้ที่ร้านขายยา เพื่อลดเวลาการรอคอยในโรงพยาบาล

​​​​​​​

 

ทุกวันนี้เมืองทั่วโลกต่างปักหมุดไปยังการเป็น Smart City ทั้งนั้นรวมถึงประเทศไทย และหากใครที่แพลนจะไปเที่ยวไต้หวัน ก็สามารถไปเรียนรู้การพัฒนาเมืองของพวกเขาได้เช่นกัน นอกเหนือไปจากสถานที่เที่ยวทางวัฒนธรรม และชาไข่มุก ที่ก็อร่อยจนพุงกางเช่นเคย.