เปิดสาเหตุไทยพัฒนา Smart City ช้า หลังรั้งที่ 84 โลก
เปิดเหตุไทยพัฒนา Smart City ช้า ปัจจุบัน รั้ง 84 โลก Metthier ชี้ประเด็น เชิงโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี ที่มักจะมีเทคโนโลยีแต่ไม่มีฐานข้อมูล พร้อชง METTRIQ แพลตฟอร์มจัดการอาคารอัจฉริยะ จาก Smart Buildings สู่ Smart Sustainable City
บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) เปิดตัว METTRIQ (เมททริก) แพลตฟอร์มบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะแบบครบวงจรแพลตฟอร์มแรกของไทย ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละอาคาร ตอบโจทย์ ESG ทั้งในภาครัฐและเอกชน ผลักดันประเทศไทยสู่ Smart Sustainable City อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) กล่าวว่า การผลักดันประเทศไทยสู่ Smart City เป็นเรื่องที่พูดกันมาหลายปี แต่กลับพัฒนาได้ช้ากว่าที่วางแผนไว้ทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี ที่มักจะมีเทคโนโลยีแต่ไม่มีฐานข้อมูล หากอ้างอิงข้อมูลจาก IMD Smart City Index 2024 ที่สำรวจ 142 เมืองทั่วโลก เพื่อจัดอันดับเมือง Smart City โดยสำรวจทั้งหมด 5 มิติสำคัญ ได้แก่
- Health & Safety
- Mobility
- Activities
- Opportunities
- Governance
พบว่ากรุงเทพฯ นั้นตกจากอันดับ 78 ในปี 2563 มาอยู่ที่อันดับ 88 ในปี 2566 และในปีนี้เราขยับกลับขึ้นมาเพียงเล็กน้อย คือ อยู่ที่อันดับ 84 ในขณะที่ในระดับเอเชียเราอยู่ในอันดับที่ 22 ซึ่งหากเทียบกับสิงคโปร์เพื่อนบ้านใกล้เคียงของเรา พบว่า สิงคโปร์อยู่ที่อันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย
โดยทั้ง 5 มิตินั้นจะเน้นที่การสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 2 แกนหลัก คือ โครงสร้างเมือง (City Structure) นำโดยภาครัฐ และเทคโนโลยี (Technology) ที่ผลักดันโดยภาคเอกชน โดยเฉพาะในมิติของ Health & Safety นั้น เป็นมิติที่เห็นความต่างได้ชัดระหว่างสิงคโปร์กับไทย
ในส่วนของโครงสร้างเมืองนั้นจะเห็นได้ว่าคนสิงคโปร์ให้คะแนนเฉลี่ยเรื่อง ‘มลพิษทางอากาศ (Air Pollution) และความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) ไม่ใช่ปัญหา’ สูงถึง 64.9 และ 80.4 คะแนน ตามลำดับ ขณะที่คนไทยให้คะแนนเฉลี่ยเรื่อง ‘มลพิษทางอากาศและความปลอดภัยสาธารณะไม่ใช่ปัญหา’ เพียง 32.9 และ 50 คะแนน เท่านั้น สำหรับในส่วนเทคโนโลยี ทั้งคนสิงคโปร์และไทยให้คะแนนประเมินเรื่อง ‘การติดตั้งกล้อง CCTV ช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดภัย’ สูงถึง 80.8 และ 75.1 ตามลำดับ ขณะที่ คนสิงคโปร์ให้คะแนนเรื่อง ‘การรายงานออนไลน์ช่วยให้การซ่อมบำรุงของเมืองรวดเร็วขึ้น’ ที่ 70.2 และคนไทยให้คะแนนที่ 60.2
นายขยล กล่าวต่อว่า จากรายงานข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศและความปลอดภัยสาธารณะสามารถที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ หากเทียบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีจำนวนกล้องวงจรปิดประมาณ 65,167 ตัว ขณะที่สิงคโปร์ที่มีขนาดเล็กกว่าไทยหลายเท่ามีกล้องวงจรปิด 109,072 ตัว จากกรณีศึกษา สิงคโปร์มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ใกล้ชิดกันมาก มีการใช้กล้อง CCTV และใช้เทคโนโลยี IoT ทั้งในส่วนของโครงสร้างเมืองและภายในอาคารทำให้การตอบโต้สถานการณ์ต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงและเร็วขึ้นกว่า 60% ลดการพึ่งพาแรงงาน 15% ประหยัดเวลาในการรายงานได้ถึง 40%
“ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการด้านอสังหาริมทรัพย์ สิ่งที่เมทเธียร์คิดวันนี้ คือ เราจะช่วยแต่ละอาคารในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ (Big Data) เพื่อนำมาต่อยอดกับ AI และ IoT เพื่อพัฒนาเรื่องการยกระดับการรักษาความปลอดภัย (Security) และการบริหารจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมและพลังงาน (Sustainable Energy Management) ให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้อย่างไร นี่จึงเป็นที่มาของการพัฒนา METTRIQ (เมททริก)แพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะแบบครบวงจรแพลตฟอร์มแรกของไทยที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มเปิดที่ทันสมัยในการบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืน” นายขยล กล่าว
METTRIQ (Metthier Reformative IQ) เป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี AI และ IoT เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลในรูปแบบ Digital Twin และ 3D Visualization เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาการบริหารจัดการอาคารอย่างยั่งยืนในอนาคต METTRIQ ถือเป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะครบวงจรแพลตฟอร์มแรกในประเทศไทยที่รวม 12 ฟีเจอร์ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ได้แก่ ระบบ CCTV, ระบบควบคุมการเข้า-ออกอัตโนมัติ (Access Control), ระบบบริหารจัดการผู้มาติดต่อ (Visitor Management), การตรวจจับโลหะ (Metal Detector), การตรวจวัดคุณภาพอากาศ (Air Quality), ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟ (Lighting System), ระบบปรับสภาวะอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น และการหมุนเวียนของอากาศภายในอาคาร (HVAC System), ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm), ระบบควบคุมบันไดเลื่อนและลิฟท์ (Escalator & Lift), ระบบระบายอากาศ (Air Flow System), ระบบควบคุมการใช้ไฟฟ้า (Electricity), และระบบการบริหารจัดการน้ำ (Water System) นอกจากนี้ ยังมีผู้ช่วย AI คอยแนะนำวิธีใช้พลังงานอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ให้แก่ผู้ใช้อีกด้วย
“หากประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็น Smart City ในอนาคตอันใกล้ ทั้งภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องร่วมมือกันทำให้เกิดเป็นรูปธรรม METTRIQ เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เราพัฒนาขึ้นมา เพื่อ connect the dots และพัฒนาการบริหารจัดการอาคารแต่ละอาคาร ยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเรื่องการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯของแต่ละอาคารได้ จากหนึ่งอาคาร เพิ่มเป็นหลายพัน หลายหมื่น หลายแสนอาคาร จนท้ายที่สุดสร้างการเปลี่ยนแปลงในภาพใหญ่ของประเทศและช่วยให้ประเทศไทยขยับเข้าใกล้สังคม Smart Sustainable City ที่มีความปลอดภัยสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เร็วยิ่งขึ้นและยั่งยืน” นายขยลกล่าว