ม.วลัยลักษณ์ ปั้นโมเดลจัดการขยะ 10เท่า ประหยัดงบ2.3ล้าน

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จับมือเทศบาลเมืองปากพูน จ.นครศรีธรรมราช พัฒนาระบบจัดการขยะอย่างยั่งยืน ช่วยลดปริมาณขยะจาก 18 ตันต่อวัน เหลือเพียง 1.8 ตันต่อวัน ลดภาระงบประมาณ เพิ่มมูลค่าขยะมูลฝอย และสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี หัวหน้าโครงการพัฒนาธุรกิจการจัดการขยะเศรษฐกิจสีเขียวของเทศบาลเมืองปากพูน เปิดเผยว่า ปัญหาขยะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเทศบาลเมืองปากพูนต้องรับมือกับขยะที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลพบว่ามีขยะสูงถึง 18 ตันต่อวัน หรือ 6,570 ตันต่อปี ครอบคลุมพื้นที่ 12 หมู่บ้าน กว่า 16,000 ครัวเรือน สร้างปัญหามลภาวะทางกลิ่น ควันจากการเผาขยะ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์พาหะนำโรค อีกทั้งยังเป็นภาระงบประมาณสูงถึง 2.7 ล้านบาทต่อปี

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เทศบาลเมืองปากพูนได้นำนโยบาย "ส่งเสริมการคัดแยกขยะภายในชุมชน" มาสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ส่งผลให้ปริมาณขยะที่ต้องกำจัดลดลงถึง 10 เท่า เหลือเพียง 1.8 ตันต่อวัน หรือ 657 ตันต่อปี พร้อมช่วยลดงบประมาณค่ากำจัดขยะลงเหลือเพียง 361,350 บาทต่อปี ประหยัดงบเทศบาลได้กว่า 2.3 ล้านบาทต่อปี

โครงการนี้ไม่เพียงลดภาระของเทศบาล แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าขยะผ่านแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น นำเศษอาหารไปเลี้ยงสัตว์ นำขยะเชื้อเพลิงจำหน่ายให้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด ใช้เป็นเชื้อเพลิง นำขยะอินทรีย์ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพและก๊าซชีวภาพ นำเศษกิ่งไม้ไปทำวัสดุดินปลูก และสกัดน้ำมันจากถุงพลาสติกใช้เป็นพลังงานทดแทน

นอกจากนี้ คณะวิจัยยังนำข้อมูลการศึกษาของเทศบาลเมืองปากพูนมาจัดแสดงในนิทรรศการ "นวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจสีเขียวของเทศบาลเมืองปากพูน" เพื่อเผยแพร่แนวทางจัดการขยะอย่างยั่งยืนและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนในระยะยาว