ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสื่อสาร หนุน กสทช. เร่งจัดสรรคลื่น 3500 MHz
ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการสื่อสารเรียกร้อง กสทช. เร่งจัดสรรคลื่นความถี่ 3500 MHz ชี้ไทยเป็นประเทศสุดท้ายในเอเชียที่ยังไม่ใช้ เสียโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
รศ.ดร.วิทวัส สิฏฐกุล หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการนวัตกรรมไร้สายล้ำหน้ายุค 5G มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวว่า คลื่น 3500 MHz เป็นคลื่นความถี่ที่เหมาะสมกับเทคโนโลยี 5G มากที่สุด แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการนำมาจัดสรรให้กับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ
คลื่น 3500 MHz มีมูลค่าสูงกว่าการใช้งานดาวเทียมถึง 15 เท่า
จากการศึกษาของ GSM-A พบว่า หากนำคลื่น 3500 MHz มาใช้งานในกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะสร้างมูลค่าสูงกว่าการใช้งานในกิจการดาวเทียมถึง 15 เท่า การชะลอการประมูลคลื่นความถี่นี้จึงเป็นการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลต่อทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ
ปัจจุบัน กสทช. จัดสรรคลื่น 3500 MHz ไว้เป็นช่องว่างเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนกับสัญญาณดาวเทียม C-Band หรือที่รู้จักกันในนาม "จานดำ" ซึ่งใช้คลื่นความถี่ 3700-4200 MHz
คลื่น 3500 MHz สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
คลื่นความถี่ย่าน 3500 MHz มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างโครงข่าย 5G ที่จะรองรับการพัฒนาประเทศให้เติบโตและแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ สำนักงาน กสทช. เคยมีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี 5G สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท
ตัวอย่างการใช้งานที่จะเกิดประโยชน์ ได้แก่ ระบบสาธารณสุขทางไกล อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมปิโตรเลียม รวมถึงการต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี 5.5G เพื่อสนับสนุนการใช้งาน AI และ Internet of Things (IoT) อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 10 Gbps ความเร็วอัพโหลดสูงสุด 1 Gbps และรองรับการเชื่อมต่อได้ถึง 100,000 ล้านอุปกรณ์
ไทยรั้งท้ายในเอเชีย
ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ กสทช. เร่งนำคลื่นความถี่ย่าน 3500 MHz ที่ยังไม่มีการใช้งานบางส่วน เช่น ช่วงคลื่น 3300-3400 MHz มาประมูล เนื่องจากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียยกเว้นประเทศไทยได้วางแผนและเริ่มนำคลื่นนี้มาใช้พัฒนา 5G แล้ว
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการมากกว่า 217 รายจาก 262 รายทั่วโลก (มากกว่า 80%) ได้นำคลื่นความถี่นี้มาใช้งาน และมีอุปกรณ์สื่อสารในท้องตลาดที่รองรับคลื่น 3500 MHz มากถึง 2,149 รุ่น
สำหรับความกังวลเรื่องสัญญาณรบกวนที่อาจเกิดขึ้นกับทีวีดิจิทัลนั้น ได้มีการศึกษาวิธีการป้องกันและแก้ไขผลกระทบในด้านเทคนิคให้สัญญาณดาวเทียมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นธรรม เช่น การติดตั้ง LNB Filter ให้กับบ้านเรือนประชาชนที่ใช้จานดำในรัศมีที่อาจได้รับผลกระทบ และการวางแผนการขยายสถานีฐานอย่างมีระบบ