ชัชชาติ ชี้ ลมเปลี่ยนทิศหอบฝุ่นพิษเพื่อนบ้าน! PM2.5 คลุ้งทั่วไทย
วิกฤตฝุ่น PM2.5 คลุ้งทั่วไทย! ลมเปลี่ยนทิศ-จุดความร้อนเพื่อนบ้านเป็นเหตุ "ผู้ว่าฯ ชัชชาติ" ชี้ สถานการณ์คลี่คลายสัปดาห์นี้
สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กลับมาปกคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยอีกครั้ง
โดยวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ณ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สำนักสิ่งแวดล้อม เขตดินแดง หลังพบค่าฝุ่นละอองพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล
จากการเปิดเผยของผู้ว่าฯ ชัชชาติ พบว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ วันนี้อยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง
โดยมีถึง 44 เขตที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งหมายถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและอีก 6 เขตที่อยู่ในระดับสีแดง ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่นพิษครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปยังพื้นที่ภาคกลาง ภาคอีสาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือ ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงกว่า
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในครั้งนี้ทวีความรุนแรงขึ้น มาจากสภาวะทางอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการสะสมของฝุ่น
โดยในช่วงวันที่ 21-23 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดสภาวะความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ลมตะวันออกเปลี่ยนทิศ และพัดพาเอาฝุ่นละอองจากการเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งมีรายงานจุดความร้อนเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 จุดในช่วงเวลาดังกล่าว เข้ามาสะสมในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบกับเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) สภาพการระบายอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ในระดับต่ำเพียง 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที ทำให้ฝุ่นละอองสะสมอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้
ถึงแม้สถานการณ์ฝุ่นจะน่ากังวล แต่ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้ให้ความหวังว่า สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยคาดการณ์ว่าสภาพการระบายอากาศจะดีขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์
"วันนี้ขอให้สวมหน้ากากอนามัยและระวังการทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง"
"แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นประกาศ Work From Home เพราะคาดการณ์ล่วงหน้า ค่าฝุ่นไม่ได้แย่ลง” - ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว
สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความเชื่อมโยงของปัญหามลพิษทางอากาศในระดับภูมิภาค และความจำเป็นในการร่วมมือกันระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ในขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงยังคงต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจากผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้อย่างต่อเนื่อง