posttoday

อนาคตพลังงาน ความพร้อมของไทยและอาเซียน ด้านเทคโนโลยี SMR

24 มีนาคม 2568

สำรวจความพร้อมของไทยและอาเซียนในเทคโนโลยี SMR กระบวนการออกใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนด้านพลังงานนิวเคลียร์ในอนาคตจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

โพสต์ทูเดย์ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์ 2 ท่านคือ ดร.ไชยยศ สุนทราภา หัวหน้ากลุ่มอนุญาตทางนิวเคลียร์ / วิศวกรนิวเคลียร์ ชำนาญการพิเศษ และ ดร.ปานทิพย์ อัมพรรัตน์ วิศวกรนิวเคลียร์ชำนาญการพิเศษ กองอนุญาตทางนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เกี่ยวกับ เทคโนโลยี SMR (Small Modular Reactors) หรือ “เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบมอดูลขนาดเล็ก” เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้ให้ครอบคลุมในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของ "ความพร้อม"

 

ไทยมีหน่วยงานที่ทำงานด้านพลังงานนิวเคลียร์ที่สำคัญเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีนี้มายาวนานตั้งแต่เมื่อกว่า 60 ปีก่อน หน่วยงานหลักๆ คือ

 

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ. 2504 เกิดขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ เช่น การแพทย์ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม พร้อมทั้งกำกับดูแลความปลอดภัย และ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ผู้ดูแลรับผิดชอบการดำเนินงานด้านการวิจัย พัฒนา บริการ รวมถึงการเผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์ทางด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การแพทย์ และสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549

 

อนาคตพลังงาน ความพร้อมของไทยและอาเซียน ด้านเทคโนโลยี SMR               

 

ก่อนจะไปถึงจุดที่ไทยพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและกฎหมาย กระทั่งไฟเขียวให้ หน่วยงานนำร่องอย่าง กฟผ. เริ่มต้นดำเนินการผลิตไฟฟ้าด้วย SMR เป็นหน่วยงานแรก เพื่อตอบรับเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต

 

เรามาดูกันว่ากระบวนการที่สำคัญก่อนไปถึงการอนุญาตในอนาคตเริ่มต้นจากอะไรและมีขั้นตอนการขอใบอนุญาตอย่างไร

 

กระบวนการขออนุญาตดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยตามหลักสากล (step-by-step licensing) 

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ อยู่ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีหน้าที่เป็น Regulator หรือผู้ออกใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในด้านพลังงานนิวเคลียร์ โดยความรับผิดชอบหลักคือ การกำกับดูแลด้านมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และการให้ใบอนุญาต โดยมีรายละเอียดขั้นตอน ดังนี้

 

1.) ใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (Site License) ซึ่งครอบคลุมถึงการขอรับใบอนุญาตใช้พื้นที่ รายงานความเหมาะสมของพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า ศักยภาพทางเทคนิค/ การเงิน และการทำรายงานสิ่งแวดล้อม EIA (ในกรณีที่โรงไฟฟ้ามีขนาดมากกว่า 2 MW ขึ้นไป)

 

2.) ใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (Construction License) เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุด โดยจะต้องทำการขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ขออนุญาตวัสดุนิวเคลียร์ มีการสอบเจ้าหน้าที่ควบคุม (Nuclear Material Technical Officer: NMTO) จึงเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้าง เช่น ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ (แต่ยังไม่มีการบรรจุเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในระบบ) และขั้นตอนสุดท้าย คือ การตรวจสอบการก่อสร้างและมาตรฐาน

 

3.) การขออนุญาตทดสอบเดินเครื่อง (Commissioning Permit) ต้องมีการขออนุญาตทดสอบเดินเครื่องพร้อมกับการสอบเจ้าหน้าที่เดินเครื่อง จึงขอรับใบอนุญาตดำเนินการได้

 

4.) ใบอนุญาตดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (Operating License) เป็นขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตดำเนินการเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลังจากผ่านเกณฑ์มาตรฐานการทดสอบเดินเครื่องแล้ว ซึ่งใบอนุญาตดำเนินการนั้นมีอายุไม่เกิน 60 ปี และต้องดำเนินการปรับปรุงรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยทุกๆ 10 ปี

 

และในกรณีที่มีการขอเลิกกิจการในอนาคตก็ต้องทำการขอใบอนุญาตด้วย

5.) ใบอนุญาตเลิกดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ (Decommissioning License) เป็นใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการดำเนินการรื้อถอน การจัดการกากกัมมันตรังสี / เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว ต้องมีการขออนุญาตเลิกดำเนินการและควบคุมโรงไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ในกรณีที่หยุดหรือเลิกการผลิตถาวร

 

อนาคตพลังงาน ความพร้อมของไทยและอาเซียน ด้านเทคโนโลยี SMR

 

ความพร้อมของประเทศในอาเซียนด้านเทคโนโลยี SMR

หากจะจัดลำดับความพร้อมหรือความต้องการใช้งานเทคโนโลยี SMR ในภูมิภาคอาเซียนของเรา ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติให้ข้อมูลว่า ประเทศอินโดนีเซียมีความตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการ SMR มากที่สุด

 

ส่วนอีกหนึ่งประเทศ คือ ประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากปัจจุบันสิงคโปร์ต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเป็นหลัก สิงคโปร์จึงต้องการสร้างโรงไฟฟ้า SMR เป็นของตัวเองเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะและมีพื้นที่จำกัด จึงเหมาะสมกับการนำ SMR มาใช้เป็นโรงไฟฟ้าหลักของประเทศ

 

และอีกหนึ่งประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะอย่างฟิลิปปินส์ โดยข้อเท็จจริงฟิลิปปินส์มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นของตัวเองซึ่งสร้างมานานแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการหรือใส่เชื้อเพลิงเข้าไปในระบบ ส่วนข่าวล่าสุดที่มีการเซ็น MOU ระหว่างประเทศรัสเซียและเมียนมานั้น ทางผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ยังเป็นแค่ขั้นตอนการเซ็น MOU ความร่วมมือพัฒนาเท่านั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดขึ้นจริงหรือไม่

 

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของโรงไฟฟ้า SMR ของไทย

 

ขึ้นอยู่กับ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย” หรือแผน PDP2024 (Power Development Plan 2024) ที่ได้มีการระบุไว้ว่า มีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แบบ SMR อยู่ที่ 1% ของสัดส่วนกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย หากอ้างอิงจากข้อมูลทางภาครัฐ มีการนำเสนอการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SMR อยู่ 2 สถานีโดยมีขนาดสถานีละ 300 MW โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายแผนหรือปี 2580 เป็นต้นไป ซึ่งมีแผนก่อสร้างในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างละหนึ่งโรง

 

อนาคตพลังงาน ความพร้อมของไทยและอาเซียน ด้านเทคโนโลยี SMR

“แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย” หรือแผน PDP2024 (Power Development Plan 2024) “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย” หรือแผน PDP2024 (Power Development Plan 2024)

 

"อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วโรงไฟฟ้า SMR จะเกิดขึ้นตามแผน PDP หรือไม่ เนื่องจากในอดีตในที่ผ่านมาแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็เคยถูกระบุอยู่ในแผน PDP 2010 (2553) มาก่อนหน้านี้ แต่โชคร้ายที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ฟุกุชิมะ (Fukushima, Japan in March 2011) ทำให้ภาครัฐต้องทำการทบทวนแผนการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในประเทศ หลังจากปีนั้น โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทยก็ได้ถูกชะลอออกไป จนมาถึงแผนล่าสุดPDP 2024 ที่มีการรวม SMR ไว้ในแผนเพียง 1%"

 

เราสามารถสังเกตได้ว่าหลายประเทศทั่วโลกก็มีการดำเนินการวางแผนที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้า SMR เป็นเวลาหลาย 10 ปีแล้ว แต่แทบจะไม่มีประเทศไหนเลยที่ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการดีไซน์ออกแบบ หรือการศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุน (Feasibility Study) เท่านั้น หรือแม้แต่ประเทศผู้นำด้าน SMR อย่างประเทศจีนก็ได้ทราบว่ามีการดำเนินการไปบ้าง แต่ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนออกมามากเท่าใดนัก

 

ด้วยข้อจำกัดของโรงไฟฟ้า SMR คือ เป็นการลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลที่อาจมีมูลค่าการก่อสร้างสูงกว่า 2-3 เท่าของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงปกติทั่วไป

เราจึงยังไม่เห็นโครงการโรงไฟฟ้า SMR อย่างแพร่หลายมากนัก หลายประเทศทั่วโลกอาจให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนเช่น พลังงานลมหรือแสงอาทิตย์ ที่มีความคุ้มค่าในการลงทุนมากกว่า เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้มีราคาถูกลงเรื่อยๆ

 

ผู้เชี่ยวชาญจาก ปส.สรุปทิ้งท้ายว่า ดังนั้น เราจึงยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า ในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่

 

ความเป็นไปได้ในอนาคต คือ เราอาจรอเวลาให้ประเทศอื่นทำการลงทุนไปก่อน แล้วเรามาศึกษาถอดบทเรียนจากประเทศอื่นๆที่ดำเนินการแล้ว และนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย

 

Thailand Web Stat