posttoday

“มารีน่า เบย์ แซนด์ส” โมเดลทำเงิน 1.3 แสนล้านบาท ที่ไทยอยากเดินตาม

04 เมษายน 2568

ต้นแบบของ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์“ ไทยคือ “มารีน่า เบย์ แซนด์ส” โมเดลเครื่องจักรผลิตรายได้มหาศาลที่รัฐบาลต้องการมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจไทยในชั่วโมงนี้!

ในขณะที่รัฐบาลไทยเร่งผลักดันร่างกฎหมาย "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือ Entertainment Complex เพื่อเปิดทางให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่สร้างรายได้เข้าประเทศ หนึ่งในต้นแบบที่ถูกพูดถึงอย่างมากก็คือ “มารีน่า เบย์ แซนด์ส” (Marina Bay Sands) ในสิงคโปร์—โมเดลระดับโลกที่กลายเป็นเครื่องจักรผลิตรายได้มหาศาลให้กับประเทศเพื่อนบ้านรายนี้

 

โมเดลรายได้ที่ไทยอยากเอาอย่าง

ในปี 2023 มารีน่า เบย์ แซนด์ส สร้างรายได้รวมสูงถึง 130,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากปีก่อนหน้า โดย คาสิโน ยังคงเป็นขุมทรัพย์หลักที่กวาดรายได้กว่า 91,154 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 69.7% ของรายได้ทั้งหมด รองลงมาคือ ห้องพัก, อาหารและเครื่องดื่ม, ศูนย์การค้า และกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความครบวงจรของโมเดลนี้ ไม่ใช่แค่การพนันแต่ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว ธุรกิจ และไลฟ์สไตล์

 

จากคาสิโนสู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

จุดแข็งสำคัญของ Marina Bay Sands ไม่ใช่แค่สถาปัตยกรรมระดับโลก หรือแลนด์มาร์กอันโด่งดัง แต่คือการผสมผสานกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่เดียว ตั้งแต่โรงแรมหรู ศูนย์ประชุม พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงคาสิโนระดับโลก ซึ่งนอกจากจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 13 ล้านคนต่อปีแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ไปยังธุรกิจโดยรอบทั้งร้านอาหาร โรงแรม และผู้ให้บริการอื่น ๆ

 

รายได้มาก รัฐได้ภาษีเพิ่ม

ด้วยรายได้มหาศาล รัฐบาลสิงคโปร์เองก็ได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นกอบเป็นกำจากภาษีในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในปี 2023 ที่มีการปรับขึ้นภาษีคาสิโนและ GST ส่งผลให้รายรับจากภาครัฐเติบโตตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น ภาษีคาสิโนสำหรับผู้เล่นทั่วไปถูกปรับขึ้นเป็น 18-22% และระดับพรีเมียมอยู่ที่ 8-12%

 

ขณะเดียวกัน มารีน่า เบย์ แซนด์สยังจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละเกือบ 2 พันล้านบาท

 

ลงทุนเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ

เพื่อไม่ให้เสียส่วนแบ่งตลาดให้ประเทศเพื่อนบ้าน มารีน่า เบย์ แซนด์ส กำลังทุ่มทุนกว่า 170,000 ล้านบาท ขยายรีสอร์ท เพิ่มหอคอยใหม่ สร้างสนามกีฬาในร่มความจุ 15,000 ที่นั่ง และปรับปรุงห้องพักให้หรูหราขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและนักเล่นระดับพรีเมียมในอนาคต

 

บทเรียนสำหรับไทย สร้าง “รายได้แห่งอนาคต”

หากโมเดลนี้ถูกนำมาปรับใช้ในไทย ภาครัฐคาดการณ์ว่าเพียงจุดเดียวของ Entertainment Complex จะสร้างเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมจ้างงานโดยตรง 15,000–20,000 คน และกระตุ้นธุรกิจเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงบริการท่องเที่ยว เป็นโอกาสสร้าง “Man-made Destination” หรือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ไม่ได้อิงกับธรรมชาติ แต่สร้างรายได้จริงให้เศรษฐกิจไทย

 

แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากร่าง พ.ร.บ.

สุดท้ายแล้ว ความฝันจะมี “มารีน่า เบย์ แซนด์ส” เวอร์ชั่นไทยได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการผ่านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หากกฎหมายผ่าน การลงทุนจะตามมา รายได้จะเกิดขึ้น และประเทศไทยอาจมีเครื่องจักรทำเงินใหม่ที่เปลี่ยนภาพการท่องเที่ยวไปอย่างสิ้นเชิง

 

หมายเหตุ:

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในตลาดคาสิโนที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุดในโลก รัฐบาลอนุญาตให้มีผู้ประกอบการเพียง 2 รายเท่านั้น คือ มารีน่า เบย์ แซนด์ส (ดำเนินการโดยบริษัท ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป) และอีกแห่งคือรีสอร์ทเวิลด์ เซนโตซ่า ของเก็นติ้ง สิงคโปร์

 

ภายใต้ข้อตกลงการพัฒนาฉบับที่สองกับคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุชัดเจนว่า จะไม่มีใบอนุญาตคาสิโนมากกว่าสองใบภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมคาสิโนจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2031 ซึ่งเป็นการรับประกันว่าทั้งสองบริษัทจะยังคงผูกขาดตลาดในประเทศอย่างน้อยอีก 6 ปี

 

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 มารีน่า เบย์ แซนด์ส มีสินทรัพย์รวมมูลค่า 6,387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (217,158 ล้านบาท) คิดเป็น 29.3% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัท ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสินทรัพย์นี้ต่อบริษัทแม่

 

อ้างอิงข้อมูล: ฐานเศรษฐกิจ