คอนเสิร์ต Coldplay ที่ทำให้รักในความหลากหลายและรักษ์โลกมากกว่าเดิม!
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากโปรดักชั่นสุดอลังการคุ้มค่าบัตร กับเพลงที่อยู่ในใจใครหลายคนแล้ว ต้องบอกว่า คอนเสิร์ต ‘Coldplay’ คือพื้นที่ของการส่งสารสำคัญอย่าง Inclusiveness และ Sustainability ให้แก่คนที่มาดูได้อย่างน่าประทับใจ
เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา หากใครเข้าไปดูเทรนด์ตามโซเชียลมีเดียก็จะพบว่าศิลปินระดับโลกอย่าง Coldplay ได้มาเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย หลังจากข้ามไปข้ามมาหลายครั้ง ไม่ปักหมุด Bangkok สักที และแล้วปีนี้ก็มาเปิดแสดงจนได้สมการรอคอย และทำให้ต้องขยายรอบการแสดงเป็น 2 รอบหลังจากในตอนแรกเปิดเพียงแค่รอบเดียว สองรอบการแสดงน่าจะมีคนไปดูและฟังกว่า 100,000 คน ซึ่งไม่ใช่แค่คนไทย แต่ชาวต่างชาติก็มาไม่น้อยเรียกได้ว่าครึ่งหนึ่งเป็นต่างชาติก็ไม่ผิดนักตั้งแต่ประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ
"Coldplay Music Of The Spheres World Tour Bangkok" คือชื่อคอนเสิร์ตในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะขนเพลงดังมามากมายไม่ว่าจะเพลงใหม่ๆ อย่าง The Universe , Up & Up ลงมาจนเพลงที่เป็นดั่งตำนานอย่าง Yellow , Fix you หรือ the Scientist
พวกเขายังใช้พื้นที่แห่งนี้ส่งสารสำคัญ เรียกร้องเรื่องของความหลากหลายเท่าเทียม รวมไปถึงเรื่องของความยั่งยืนได้อย่างประทับใจ และขอปรบมือให้ในฐานะศิลปินระดับโลกที่แค่ยืนร้องเพลงคนก็อยากจะซื้อบัตรเข้ามาดูคอนเสิร์ตของพวกเขาแล้ว แต่ด้วยจิตวิญญาณที่มากกว่าการเป็นนักร้องดัง พวกเขาคือศิลปินที่พยายามถ่ายทอดสารผ่านศิลปะทางเสียงเพลง!
คอนเสิร์ตที่มี Function เรื่องการรักษ์โลกอย่างยั่งยืนตั้งแต่พลังงานบนเวที!
สำหรับคอนเสิร์ตของ Coldplay ครั้งนี้พวกเขาได้ประกาศผ่านเวปไซต์ออฟฟิเชียลตั้งแต่แรกว่าได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนเครดิตลงร้อยละ 50 ซึ่งจนถึงปัจจุบันทำได้แล้วที่ร้อยละ 47 นอกจากนี้ในแต่ละครั้งที่คอนเสิร์ตเล่นไม่ว่าจะที่ได้จะมีการปลูกต้นไม้ทดแทนรวมแล้วกว่า 5 ล้านต้น! รวมไปถึงในเดือนมีนาคม ปี 2021
สิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือริสแบนด์ที่คาดอยู่บนข้อมือซึ่งลิ้งก์กับโปรแกรมในคอนเสิร์ต ให้มีไฟขึ้นมาบนข้อมือตามแต่ละเพลงก็เป็นริสแบนด์ที่สามารถนำมากลับใช้ซ้ำได้ในทุกคอนเสิร์ต รวมถึงมีการรณรงค์ให้ส่งคืนริสแบนด์ตั้งแต่เริ่มคอนเสิร์ต โดยพบว่าที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ส่งคืนริสแบนด์นี้ได้ถึงร้อยละ 99
นอกจากนี้พวกเขายังติดตั้งพื้นจลนศาสตร์ ซึ่งอาศัยแรงสั่นสะเทือนขณะที่ผู้ชมกำลังกระโดดโลดเล่น เต้นไปกับเสียงเพลงของ Coldplay รวมไปถึงมีแท่นจักรยานชาร์ตพลังงานให้กับคอนเสิร์ตไว้เพื่อให้ใครก็ตามที่อยากช่วยโลกขึ้นมาก็สามารถเข้าไปปั่นสร้างเป็นพลังงานที่มีประโยชน์สำหรับ Staff ในคอนเสิร์ต ผู้อยู่เบื้องหลังเวทีที่ต้องมีการชาร์ตแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือรวมไปถึงเครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังสนับสนุนการเติมน้ำดื่ม โดยติดตั้งจุดเติมน้ำดื่ม หากคุณนำขวดพลาสติกเข้าไปก็สามารถเติมน้ำได้โดยไม่ต้องซื้อขวดใหม่ แต่ถ้าหากมีขยะพวกเขาก็จะนำไปเปลี่ยนเป็นการถมเพื่อสร้างผืนดินได้ถึงร้อยละ 66 ของของเสียทั้งหมด และยังมีมาตรการอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้น
อย่างที่หลายคนอาจจะทราบว่าการจัดคอนเสิร์ตนั้นปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากมายเพียงใด โดยมีสถิติเฉพาะในสหราชอาณาจักรพบว่าการจัดคอนเสิร์ตเพียง 1 ปีสร้างก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 400,000 ตัน! การจัดคอนเสิร์ตซึ่งคำนึงถึงร่องรอยที่จะหลงเหลือไว้ให้แก่โลกจึงเป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมจริงๆ!
สารเรื่อง ความหลากหลายและเท่าเทียม ที่เด่นชัดอย่างแท้จริง!
ก่อนที่จะเปิดคอนเสิร์ตในประเทศมาเลเซีย Colplay ได้เจอแรงกดดันและออกมาประท้วงจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ด้วยว่า Coldplay เป็นวงที่สนับสนุนเรื่องความหลากหลายมาอย่างสม่ำเสมอ
บรรยากาศของคอนเสิร์ตครั้งนี้ในประเทศไทยก็เป็นเช่นนั้น แม้จะจัดที่ไทย แต่พื้นที่ของคอนเสิร์ต Coldplay ทำให้ได้สัมผัสถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนจีนที่เดินทางมาเพื่อชมคอนเสิร์ต เพราะในจีนนั้น Coldplay ไม่สามารถเดินทางเข้าไปเปิดคอนเสิร์ตได้เนื่องจากจีนเคยแบนเพลงของพวกเขาด้วยว่าเป็นกระทบถึงประเด็นทางการเมืองที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ยังมีคนอินเดียจำนวนมากที่เดินทางมาดู ชาวตะวันตกที่อาศัยในประเทศไทย ชาวเวียดนามหรือเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนที่ตั้งใจมาชมอย่างเต็มที่ ทำให้ทุกที่นั่งในสนามราชมังฯ เต็ม! และแทบจะลบความเป็นไทยออกไป หาก Coldplay ไม่ทักทายเป็นภาษาไทย ให้เกียรติเจ้าบ้านที่จัดงาน ก็รู้สึกเหมือนว่าคอนเสิร์ตนี้แทบจะข้ามพรมแดนประเทศไปแล้ว
รวมไปถึงตลอดการแสดงก็ยังมีการแสดงสัญลักษณ์หลายๆ อย่าง ตั้งแต่ในช่วงเพลง Magic ที่ให้จับกล้องไปยังคนดู ก็มีการจับกล้องไปยังคู่รัก LGBTQIA+ รวมไปถึงการนำธงสัญลักษณ์ของ LGBTQIA+ ขึ้นไปยังบนเวที
นอกจากนี้ในวันที่สองของการแสดง ยังมีการเชิญวงดนตรีของไทยอย่าง Zweed n’roll วงดนตรีแนวบริตป๊อปที่มาพร้อมกับเสียงร้องที่มีเสน่ห์ ซึ่ง ‘พัด’ นักร้องนำเองก็ได้เคยมอบบทเพลง ‘เพียงเธอ สมรสเท่าเทียม’ ซึ่งเป็นการ Cover เพลงประกอบภาพยนตร์รักแห่งสยาม ภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของไทยที่กล้าพอจะนำเสนอเรื่องของความรักในเพศชาย-ชาย และโด่งดังแมสเป็นพลุแตก โดยร้องร่วมกับสุกัญญา มิเกล ออกมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องของ ‘สมรสเท่าเทียม’ มาแล้ว! โดย Zweed n’roll ได้ขึ้นไปเล่นเพลงสุดฮิตของพวกเขาอย่าง ‘ช่วงเวลา’ โดยขับร้องเป็นภาษาไทย โดยมี คริส มาร์ติน บรรเลงเปียโนด้วย!
หากถามว่าช่วงไหนที่ประทับใจมากอีกช่วงก็คือ ในช่วงเพลง Something Just Like This ก็ทำให้ผู้เขียนเองน้ำตาซึมไม่น้อย เพราะในช่วงแรกของเพลงได้ขึ้นข้อความว่า ‘ทุกคนนั้นต่างเป็นเหมือนเอเลี่ยน’ คือแตกต่าง ไม่เหมือนกัน และแปลกแยก เมื่อเพลงดังขึ้น นักร้องขวัญใจอย่างคริส มาร์ติน ก็ออกมาพร้อมกับเพลงที่อัดไว้ในท่อนแรกแล้ว และใช้ภาษามือในการแสดงเพลงในช่วงอินโทรแรก ซึ่งนอกจากบนเวทีจะมีการแสดงภาษามือจากพี่คริส ขวัญใจใครหลายคนแล้ว ด้านล่างก็ยังมีการจัดเวทีสำหรับการแสดงภาษามือไว้ให้แก่ผู้พิการเพื่อที่พวกเขาจะได้ฟังดนตรีในแบบฉบับของตัวเองได้!
Something Just Like This เป็นเพลงที่กล่าวถึง ‘คนธรรมดา’ ที่เป็นที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องเป็น Superhero หรือมีพรวิเศษใดๆ แต่แค่เป็นคนธรรมดาที่ใครสักคนสามารถพึ่งพาและพึ่งพิงได้ก็เพียงพอแล้ว นับว่าเหมาะกับการสื่อเมสเสจของ ‘ความหลากหลาย’ ของผู้คน ที่สามารถเป็นตัวเองในแบบฉบับตัวเอง แม้จะเป็นแค่เพียงคนธรรมดาก็มีความสำคัญได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น Superhero หรือมีพรสวรรค์ใดๆ .. ซึ่งนับเป็นเมสเสจที่ช่วยปลอบประโลมหัวใจของคนในยุคนี้อย่างแท้จริง
นอกจากโปรดักชั่นคอนเสิร์ต ที่ถือว่ายอดเยี่ยม เลิศเลอสุดๆ คุ้มทุกค่าบัตรที่เคยจ่ายมา รวมไปถึงบทเพลงคุณภาพ เข้าถึงจิตวิญญาณและเป็นตำนานของใครหลายคน รวมไปถึงการแสดงของตัวศิลปินอย่าง Coldplay ที่เต็มที่ และไฮป์คนดูแม้จะเข้าใจกันคนละภาษาก็สามารถสื่อภาษาดนตรีออกมาถึงกันได้แล้ว .. ก็จะต้องขอบอกว่าต้องขอบคุณที่ศิลปินระดับโลกอย่าง Coldplay ซึ่งประสบความสำเร็จแบบติดลมบนไปแล้วนั้น ยังหันกลับมาเป็นตัวกลางและสร้างพื้นที่สื่อสารให้กับผู้คนเป็นวงกว้าง เพื่อโลกและสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้บทเพลงของพวกเขาทรงคุณค่าและเป็นตำนานอย่างแท้จริง!