posttoday

นายกฯ ปลุกกระแส "แฟชั่นผ้าขาวม้าไทย" ร่วมงาน "LOVE PRIDE PARADE 2024"

29 มิถุนายน 2567

นายกฯ ปลุกกระแส "แฟชั่นผ้าขาวม้าไทย" ร่วมงาน "LOVE PRIDE PARADE 2024" ดัน Soft Power ไทย ควบคู่ความหลากหลายและความเท่าเทียม

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเปิดรับความหลากหลายและเท่าเทียม พร้อมผลักดันสนับสนุน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมมาอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “LOVE PRIDE  PARADE 2024” และร่วมขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่และยาวที่สุดในเอเชียถึง 6 กิโลเมตร ส่งท้ายเดือนแห่งเทศกาล Pride ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยขบวนจะเคลื่อนจากสนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย ไปตามถนนพระราม 1 ผ่านย่านปทุมวัน สยาม ราชประสงค์ เพลินจิต อโศก สุขุมวิท ไปสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ ระหว่างเวลาประมาณ 16.00 - 18.30 น. คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานตลอดเส้นทางขบวนกว่า 1,000,000 คน

รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชนชั้นนำมากกว่า 100 องค์กร ร่วมกันจัดงาน LOVE PRIDE ♡ PARADE 2024 เพื่อเฉลิมฉลองส่งท้าย Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาวหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) และร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power ของรัฐบาล ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจสีรุ้ง โดยตกแต่งขบวนพาเหรดตามแนวคิดการสนับสนุนยุทธศาสตร์ Soft Power ในหลากหลายมิติ อาทิ การปลุกกระแส “แฟชั่นผ้าขาวม้าไทย” สู่ระดับโลก แสดงถึงความรัก ความเท่าเทียม และความเสมอภาค

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า งานดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากประชาชน ชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เข้าร่วมชมงานตลอดเส้นทางขบวน กว่า 1,000,000 คน ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรและเปิดกว้างสำหรับทุกคน (Pride Friendly Destination) ต่อยอดสนับสนุนไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Pride ในปี ค.ศ. 2030

รัฐบาลสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่งเทศกาล Pride ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศตลอดเดือนมิถุนายน ซึ่งได้รับความสนใจและมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยคาดการณ์ว่า เทศกาล Pride จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และสร้างความเข้มแข็งให้ Pride Community ในไทย รวมถึงเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในการเป็น Pride Friendly Destination กระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง ผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) ของภูมิภาค ตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand พร้อมต่อยอดสนับสนุนไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Pride ในปี ค.ศ. 2030 และงาน Mega Pride อื่น ๆ ในอนาคต ส่งผลต่อเนื่องในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม