เน้นนอน ไม่เน้นเที่ยว! ชวนรู้จัก “Sleep Tourism” เทรนด์ใหญ่ต้องจับตาปี 2025
ด้วยความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ผสานกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำสมัย ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจจองตั๋วบินข้ามทวีป เพื่อเปลี่ยนที่นอนและหลีกหนีความเครียดในโลกยุคปัจจุบัน ชวนรู้จัก “Sleep Tourism” เทรนด์ใหญ่ต้องจับตาปี 2025
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับพักผ่อน “Sleep Tourism” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ศรีลังกา และลาว ที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างมาก
ด้วยความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ผสานกับเทคโนโลยีทางการแพทย์และแนวทางการดูแลสุขภาพที่ล้ำสมัย ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติตัดสินใจจองตั๋วบินข้ามทวีป เพื่อเปลี่ยนที่นอน! ยกระดับคุณภาพการนอนหลับ และหลีกหนีความเครียดในโลกยุคปัจจุบัน
การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับ “Sleep Tourism”
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา แต่การท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับหรือ “Sleep Tourism” ที่มุ่งเน้นการช่วยให้นักท่องเที่ยวปรับวิถีการนอนใหม่นั้น ถือเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีความใหม่
เนื่องจากในปัจจุบัน สังคมของเราเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความเครียดสูง ไม่ว่าจะเป็นอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก ความเหนื่อยสะสม ปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับพักผ่อน ทำให้หลายคนมีภาวะนอนไม่หลับ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
คนส่วนใหญ่จึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพการนอนหลับเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว และเริ่มมองหาวันหยุดยาวเพื่อจองโรงแรมสงบๆสักที่เพื่อเปลี่ยนที่นอน ยกระดับคุณภาพการพักผ่อน ซึ่งหลายจังหวัดในไทยเองยังอุดมไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติเขียวขจีไปจนถึงชายหาดอันสงบ ตอกย้ำศักยภาพการเป็นหมุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับได้เป็นอย่างดี
ประเทศไทย: สวรรค์แห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวหลายแห่งโดดเด่นด้วยบริการเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการทำสปาระดับพรีเมียม หรือคลาสโยคะที่ช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ทั้งยังช่วยให้นักท่องเที่ยวใช้เวลากับสมาร์ทโฟนน้อยลงไม่ต่างอะไรจาก Social Detox จึงทำให้ประเทศไทยขึ้นแท่นหมุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เวียดนาม กัมพูชา: ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมกับเทรนด์สุขภาพ
เวียดนามและกัมพูชากำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเฉพาะจากมรดกทางวัฒนธรรม เมืองโบราณ และความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
อินโดนีเซีย: บาหลี เมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
อินโดนีเซีย โดยเฉพาะบาหลี ได้รับการยอมรับมานานว่าเป็นสวรรค์ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์โยคะ ศูนย์ฝึกสมาธิ และรีสอร์ทสปามากมายที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ศรีลังกา: ผู้นำด้านอายุรเวท
ศรีลังกา ขึ้นชื่อเรื่องการแพทย์อายุรเวท ซึ่งเป็นการแพทย์แผนโบราณของอินเดียที่เชื่อว่าสุขภาพจะได้รับอิทธิพลจากการใช้สมุนไพรแบบดั้งเดิม มุ่งเน้นการฟื้นฟูสมดุลธรรมชาติของร่างกาย ในปัจจุบัน ศรีลังกาได้ผสมผสานการแพทย์อายุรเวทเข้ากับแนวทางการดูแลสุขภาพสมัยใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพการนอนหลับและฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน จนสามารถดึงดูดเม็ดเงินการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากมาย
ลาว: ม้ามืดแห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
แม้ประเทศลาวจะไม่โดดเด่นเท่าประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ใน ASEAN แต่แนวโน้มในปัจจุบัน ลาวถือว่ากำลังค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีจากจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากเกินไป ด้วย บรรยากาศที่เงียบสงบและยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติของประเทศลาว ทำให้สถานที่แห่งนี้ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ของนักท่องเที่ยวสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนนอนหลับ