เมื่อสาหร่ายและกากโกโก้ช่วยลดก๊าซมีเทนจากวัว
ที่ผ่านมาเราอาจได้ยินว่า วัว หรือปศุสัตว์ในระบบเป็นอีกหนึ่งต้นตอภาวะโลกร้อน แต่จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถลดการปล่อยมีเทนได้ด้วย สาหร่าย และ กากโกโก้
มีเทน จัดเป็นก๊าซเรือนกระจกอีกชนิดที่มีคุณสมบัติในการดักจับความร้อนสูง สามารถเก็บกักความร้อนภายในชั้นบรรยากาศมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ราว 25 – 30 เท่า นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและทำให้เราจำเป็นต้องหาทางจัดการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในภาคปศุสัตว์ที่มีสัดส่วนการปล่อยมีเทนมากที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นแนวคิดในการลดการปล่อยมีเทนจากปศุสัตว์ด้วยสาหร่ายและกากโกโก้
สาหร่ายชนิดใหม่ที่ช่วยลดการปล่อยมีเทน 40%
ผลงานนี้เป็นของนักวิจัยจาก University of California กับการค้นพบว่า สาหร่าย อาจเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาก๊าซมีเทนที่ปล่อยออกมาจากปศุสัตว์ โดยการผสมสาหร่ายเข้าไปในอาหารที่ป้อนให้วัวเนื้อในแต่ละมื้อ ช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศได้มากกว่า 40%
แนวคิดนี้มาจากคุณสมบัติของสาหร่ายสีแดง Asparagopsis taxiformis ที่มีสาร Bromoform เข้าไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ในจุลินทรีย์ Methanogens ในกระเพาะวัว ตัวการสำคัญในการผลิตก๊าซมีเทน ทำให้เมื่อวัวได้รับประทานพืชประเภทสาหร่ายเข้าไปแล้วจะมีอัตราการปล่อยมีเทนลดลง
เมื่อทำการป้อนสาหร่ายชนิดนี้ร่วมกับอาหารให้แก่ปศุสัตว์ในปริมาณ 0.2 – 2% ของน้ำหนักตัว พบว่า วัวเนื้อและวัวนมมีอัตราการปล่อยก๊าซมีเทนลดลงจากเดิมกว่า 80% อีกทั้งการเติมสาหร่ายปะปนลงไปในอาหาร ยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและผลผลิตอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทำการทดสอบโดยการเติมสาหร่ายลงไปในอาหารวัวรูปแบบเม็ด เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนและความหายากของสาหร่ายชนิดนี้ตามท้องตลาด ผลปรากฏว่าวัวที่ได้รับอาหารดังกล่าว สามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซมีเทนลงจากเดิม 40% โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพ
นี่จึงถือเป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับลดการปล่อยมีเทนภายในปศุสัตว์ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมาก
กากโกโก้กับการลดมีเทนภายในวัว
ผลงานนี้เป็นของบริษัท LOCOL Thailand สตาร์ทอัพจากประเทศไทย ที่ได้ไปเปิดตัวในงาน OMEUP 2024 เทศกาลรวมสตาร์ทอัพระดับโลก ด้วย Cocoa-Lick blocks ที่ผลิตขึ้นจากเศษเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมโกโก้ มาเป็นอาหารเสริมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนลงกว่า 62.5%
โกโก้จัดเป็นพืชอีกชนิดที่มีคุณสมบัติในการลดการปล่อยก๊าซมีเทนเช่นกัน เนื่องจาก แทนนิน สารประกอบชนิดหนึ่งภายในโกโก้เองก็มีผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในกระเพาะวัว ทำให้เมื่อนำโกโก้มาให้วัวรับประทานจะช่วยลดอัตราการปล่อยมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศในที่สุด
ในขั้นตอนการทดสอบพบว่า การป้อน Cocoa-Lick blocks ให้แก่วัวเป็นอาหารเสริมจากอาหารปกติเป็นจำนวนราว 60 ตัว โดยการผสมผลิตภัณฑ์นี้ร่วมกับอาหารปกติของปศุสัตว์ในปริมาณราว 2% ของน้ำหนักตัว พบว่าวัวกลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงกว่า 62.5%
จริงอยู่ที่สาหร่ายสีแดงก็มีคุณสมบัติลดมีเทนจากวัวได้เช่นกัน แต่ข้อแตกต่างสำคัญจากวัสดุทั้งสองชนิดคือ ความง่ายในการผลิต สาหรายสีแดงที่ใช้ในการลดมีเทนมีข้อจำกัดในการผลิตและเพาะเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องยากที่จะสามารถผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการเป็นวงกว้าง
แตกต่างจากกากโกโก้ในอุตสาหกรรมโกโก้ที่พบเห็นได้ทั่วไป สามารถค้นหาและนำมาใช้ในการผลิตได้ในเกือบทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้การนำกากโกโก้มาผลิตเป็นอาหาเสริมแก่วัว ยังเป็นการช่วยลดขยะที่จะออกสู่สิ่งแวดล้อม นับเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแก้ปัญหาขยะไปพร้อมกัน
นี่ถือเป็นแนวทางเบื้องต้นในการผลักดันระบบปศุสัตว์ของเราไปสู่ความยั่งยืนต่อไป
การนำสาหร่ายสีแดงมาใช้เป็นอาหารเสริมให้แก่วัวยังอยู่ในขั้นทดสอบจากขีดความสามารถทางการผลิต แต่ทางบริษัท LOCOL Thailand ยืนยันว่า Cocoa-Lick blocks จะขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมวัวกว่า 100,000 ตัวภายในปี 2030 ซึ่งจะเทียบเท่ากับการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงกว่า 140,000 ตัน/ปี
ที่มา