จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  'เพิ่มโทษ 10 เท่า'

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว 'เพิ่มโทษ 10 เท่า'

20 มีนาคม 2568

รู้ไหม? ปี 2565 มีเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว 46 คนต่อวัน ไม่นับบุคคลที่ไม่กล้าส่งเสียง! ล่าสุด ครม.ไฟเขียว แก้กฎหมายเพิ่มโทษ ป้องกันเหตุร้ายและการกระทำความผิดซ้ำ

KEY

POINTS

  • บาดแผลความรุนแรงที่มีอยู่ในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง จนเกิดการทำร้ายและฆาตกรรม
  • สถิติความรุนแรงล่าสุดปี 2565 พบว่าในแต่ละวันค

** เนื้อหามีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน **

 

เด็กหญิงโรส อายุ 2 ปี 7 เดือน อาศัยอยู่กับแม่ ยาย และสามีคนที่ 4 ของแม่  วันหนึ่งถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลระดับอำเภอ ด้วยอาการชักเกร็งทั้งตัว ตาเหลือก ไข้สูง ซีด มีรอยเขียวช้ำตามร่างกาย ใบหู และอีกหลายๆ แห่ง แพทย์ที่รับเคส ณ ขณะนั้นสงสัยทันทีว่า 'ถูกทารุณกรรม'

ผลปรากฎว่า ‘ส้ม’ แม่ของโรสเผยว่า วันเกิดเหตุเด็กหญิงโรสจะลงไปเก็บของข้างล่าง เมื่อผู้เป็นแม่ห้ามแต่ลูกไม่ฟัง แม่จึงเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ตีโรสแค่สอง-สามครั้ง ด้วยไม้แขวนเสื้อและไม้อื่นๆ ที่พอจะหาได้ในบริเวณนั้น

ตัวเองเป็นคนที่โมโหรุนแรงและเวลาโมโหจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ที่ทำไปไม่คิดว่าลูกจะเป็นขนาดนี้ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นจากการตี คิดว่าเด็กน่าจะไปเล่นกับใครรึเปล่า เพราะเคยมีคนข้างบ้านมาเล่นกับเด็ก เวลาที่แม่ทำงานบ้านอยู่ หรือ เด็กอาจจะล้ม เพราะเด็กล้มเองบ่อยๆ และคิดว่าบาดแผลที่เขียวช้ำๆ เป็นเพราะความซนของเด็ก

ส้มไม่คิดว่าเป็นเพราะตนเอง วันนั้นส้มให้ลูกกินยาและหลับไป แต่พอไปปลุกอีกทีเด็กหญิงโรสกลับมีไข้สูง ตาเหลือก ตัวเกร็ง จึงพานำส่งที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ เมื่อแพทย์สอบถามส้มไม่สามารถตอบคำถามที่สัมพันธ์กับอาการบาดเจ็บของลูก ที่บ่งบอกว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง

 

เมื่อส้มได้พบกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก ส้มค่อยๆ เล่าชีวิตของตัวเอง ...

ตอนเป็นเด็ก ตาของเด็กเวลาตีแม่จะตีหนักมาก จะไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป คือจะผูกกับเสาแล้วตี ส่วนคุณยายจะชอบด่า แต่ไม่ค่อยลงไม้ลงมือเท่าไหร่ และเคยมีคนที่จะพยายามมาลวนลามทางเพศแม่เด็ก เมื่อเล่าให้ตากับยายฟัง ก็จะถูกด่าว่าเพราะตัวเองเป็นคนไม่ดี

 

หลังจากส้มอยู่ม.3 ส้มมีแฟนซึ่งเป็นพ่อของโรสในเวลาต่อมา พ่อของส้มด่าเป็นประจำและบอกว่าจะไม่ดูแล จึงทำให้ส้มต้องออกจากโรงเรียนเนื่องจากตั้งท้อง ส้มไปอยู่กับพ่อของเด็ก แต่ก็ต้องเลิกกันและกลับมาอยู่กับพ่อและแม่ ซึ่งด่าทอเธอทุกวัน ส้มมีความสัมพันธ์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งคนที่ 4 ก็ตั้งท้องแต่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้เนื่องจากไม่ได้ทำงาน จึงต้องยกให้เพื่อนบ้านไป

เรื่องราวของส้มค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย พร้อมๆ กับที่ยอมรับว่า 'ที่บอกว่าใช้ไม้แขวนเสื้อตี จริงๆ คือไม้กวาด และไม้หน้าสาม' และไม่ใช่การตีแค่ 2-3 ครั้งแต่เป็นการตีนับครั้งไม่ถ้วน จึงมีการสรุปได้ชัดเจนว่าเป็นการทำร้ายเด็ก

.

นี่คือตัวอย่างเคสที่ทางศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) เคยอธิบายเป็นกรณีศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 2022

 

อันที่จริงสังคมไทยมีเรื่องราวความรุนแรงในครอบครัวมาเนิ่นนาน คำพิพิพากษาศาลฎีกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2478-2548 จำนวนทั้งสิ้น 12 ฎีกา ระบุถึงคดีระหว่างภรรยาและสามีทั้งที่จดทะเบียนและไม่จด มีรายละเอียดว่า 'ภรรยาเป็นผู้ใช้ความรุนแรงจนทำให้สามีเสียชีวิต' เนื่องจากทนไม่ไหวที่สามีใช้ความรุนแรง ในปี 2548 นั้นพบการฆ่ากันของบุคคลในครอบครัว 369 กรณี และร้อยละ 62 เป็นกรณีที่ภรรยาหาทางออกจากการถูกสามีกระทำรุนแรงทั้งสิ้น และมองว่าตอนเองไม่สามารถใช้วิธีการอื่นเพื่อหลุดพ้นจากการทำร้ายของสามีได้แล้ว! 

 

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  \'เพิ่มโทษ 10 เท่า\'

 

สถิติความรุนแรงในปัจจุบัน พบมีผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว 46 คน/วัน!

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพม.รายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงในครอบครัว ตามมาตรา 17 พรบ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ในปี 2565 พบข้อมูลที่สำคัญดังนี้

 

ผู้ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงมากที่สุดเป็นเพศหญิง จำนวน 15,108 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.45  รองลงมา คือ เพศชาย จำนวน 1,760 ราย คิดเป็นร้อยละ 10.42 และเพศทางเลือก จำนวน 22 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.13

 

ช่วงอายุที่เข้ารับบริการมากที่สุด ตามลำดับ คือ

  • อายุ 10 ปี - ไม่เกิน 20 ปี จำนวน 6,162 ราย คิดเป็นร้อยละ 36.48
  • อายุ 20 ปี - ไม่เกิน 30 ปี จำนวน 3,010 ราย คิดเป็นร้อยละ 17.82
  • อายุ 30 ปี - ไม่เกิน 40 ปี จำนวน 2,627 ราย คิดเป็นร้อยละ 15.55

 

ประเภทของการกระทำความรุนแรงมากที่สุด ได้แก่ ความรุนแรงทางร่างกาย จำนวน 9,844 ราย รองลงมา คือ ความรุนแรงทางจิตใจ จำนวน 6,831 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.48 และความรุนแรงทางเพศ จำนวน 4,860 ราย 

 

สถานที่ที่เกิดความรุนแรงมากที่สุด คือ ในบ้านของตัวเอง

 

ส่วนผู้ที่กระทำความรุนแรงมากที่สุด 5 อันดับ คือ

  1. สามี
  2. แฟน
  3. คนรู้จัก
  4. ญาติ
  5. เพื่อน

 

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  \'เพิ่มโทษ 10 เท่า\'

 

 

ความพยายามแก้ไขร่างกฎหมาย ให้เท่าทันปัจจุบัน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทําด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม 2568)

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่าสืบเนื่องมาจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานกว่า 17 ปีแล้ว ซึ่งมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับมีขั้นตอนหรือกระบวนการที่ยังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพได้

 

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  \'เพิ่มโทษ 10 เท่า\'

 

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีดังนี้

1. บทนิยามคำว่า “ความรุนแรงในครอบครัว” ให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงการล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศ และการกระทำใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียง เดิม  บัญญัติไว้เพียงอันตรายที่เกิดแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพเท่านั้น

2. บทนิยามคำว่า “บุคคลในครอบครัว” ให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงคู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินด้วยกันหรือเคยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ที่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ฉันคู่สมรส ตลอดจนคู่รักที่แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปหรือที่มีความผูกพันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับไว้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบุตร หรือเป็นบุคคลที่มีความผูกพันกันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน แม้ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางเครือญาติ เดิม  กำหนดไว้เพียง คู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินหรือเคยอยู่กินฉันสามีภริยา โดยมิได้จดทะเบียนสมรส บุตร บุตรบุญธรรม สมาชิกในครอบครัว รวมทั้งบุคคลใดๆ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ลงรายละเอียดไว้

3. บทนิยามคำว่า “พนักงานเจ้าหน้าที่” ให้รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นด้วย เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำได้อย่างทันท่วงที 

4. เพิ่มอัตราโทษปรับในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว เดิม  ปรับไม่เกิน 6,000 บาท เป็นปรับไม่เกิน 60,000 บาท

 

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  \'เพิ่มโทษ 10 เท่า\'

 

5. ให้ศาลลงโทษหนักขึ้น หากผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวมีการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี หรือการกระทำความรุนแรงในครอบครัวต่อเด็ก เดิม  ไม่ได้กำหนดมาตรการดังกล่าวไว้ ซึ่งหากมีการกระทำความผิดซ้ำจะมีโทษเท่ากับกระทำครั้งแรก

6. ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการกระทำความรุนแรงในครอบครัวหรือจะมีการกระทำผิดซ้ำสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ

7. ขยายระยะเวลาร้องทุกข์จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

8. กำหนดเหตุลดโทษ หากปรากฏข้อเท็จจริงทางการแพทย์ว่าผู้กระทำความผิดได้กระทำไปเพราะตนเองหรือบุคคลในครอบครัวของตนถูกกระทำด้วยความรุนแรงหรือถูกกระทำโดยมิชอบซ้ำกันอย่างต่อเนื่องจนเป็นเหตุให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง (Batterd Person Syndrome)

9. กำหนดให้การแก้ไขความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ถูกกระทำเป็นสำคัญ

10. เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น

 

จากบาดแผลสู่วันที่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  \'เพิ่มโทษ 10 เท่า\'

 

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) ครั้งที่ 5/2568 ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ ต่อไป.

 

ข้อมูล

กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว

ศูนย์ช่วยเหลือสังคม

Thailand Web Stat