posttoday

นิคมสหกรณ์แม่แตง สนองนโยบายรัฐ หนุนปลูกถั่วเหลืองหลังทำนา เพิ่มรายได้

22 พฤษภาคม 2567

นิคมสหกรณ์แม่แตง ขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูงด้วยการปลูกถั่วเหลืองหลังทำนา หวังยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ตามนโยบายรัฐบาล “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” คาดสร้างรายได้ครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2570

ปัจจุบันถั่วเหลืองเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ประเทศไทยผลิตถั่วเหลืองได้เพียง 2 – 3 หมื่นตันต่อปี ขณะที่ตลาดมีความต้องการมากถึง 3.2 ล้านต้นต่อปี  นอกจากนี้ถั่วเหลืองยังเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยจึงเหมาะที่จะนำมาปลูกในช่วงหน้าแล้งแทนการปลูกข้าว และยังมีแร่ธาตุและคุณประโยชน์ต่อดินสูง ทำให้เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่หลังจากปลูกถั่วเหลืองมาปลูกพืชชนิดอื่น ๆ หมุนเวียนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนิคมสหกรณ์แม่แตง จึงเร่งดำเนินการขับเคลื่อนปลูกถั่วเหลืองหลังนา ผ่านสหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด  ในการสนับสนุนปัจจัยด้านการผลิตต่าง ๆ รวมถึงจัดหาเงินทุนให้สมาชิก

นายประยุทธ เป็นมูล ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์แม่แตง กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่านิคมสหกรณ์แม่แตง  มีพื้นที่ทั้งหมด 14,798 ไร่  มีเกษตรกรจำนวนทั้งสิ้น 2,200 ราย ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนาปลูกข้าวเป็นหลัก สลับด้วยถั่วเหลืองหลังนาและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  โดยข้าวที่ปลูกจะเป็นข้าวเหนียวสันป่าตอง 1  หลังเสร็จฤดูเก็บเกี่ยวจะต่อด้วยการปลูกถั่วเหลือง ใช้พันธุ์เชียงใหม่60 จากศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชเชียงใหม่ ปัจจุบันพื้นที่นิคมสหกรณ์แม่แตง มีพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองประมาณ 800 ไร่ ให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 280-400 กิโลกรัม/ไร่ มีเกษตรกรปลูกถั่วเหลืองประมาณ 100 ราย เฉพาะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด และมีแนวโน้มขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังพบว่าสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรสมาชิก 

ปัจจุบันเกษตรกรเริ่มหันมาปลูกถั่วเหลืองหลังนาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาดีขึ้นและมีตลาดรองรับชัดเจนและยังมีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้เกษตรกรที่เคยทำนาปรังหรือปลูกพืชอื่น เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ก็ได้หันมาปลูกถั่วเหลืองหลังนากันมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นพืชทนแล้ง ใช้น้ำน้อย ซึ่งในอนาคตเกษตรกรในพื้นที่อาจจะเปลี่ยนจากปลูกข้าวมาเป็นถั่วเหลืองแทนทั้งหมด

ถั่วเหลืองปลูกมานานแล้ว แต่ก่อนมีประมาณ 30-40 ราย ปีนี้เพิ่มเป็น 100 ราย ช่วงหลัง ๆ ราคาถั่วเหลืองดีขึ้นมาก จากเดิมอยู่ที่ 15-18 บาท/กิโลกรัม ปีนี้ราคาซื้ออยู่ที่ 21-22 บาท/กิโลกรัม ขณะปริมาณความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี  ปีนี้ ข้าวเหนียวสันป่าตอง 1 ราคาดีสหกรณ์รับซื้ออยู่ที่ 10.80 บาท/กิโล แต่ข้อเสียต้องใช้น้ำเยอะ ปลูกถั่วเหลืองจึงเหมาะกว่า เรื่องตลาดก็มีบริษัทคู่ค้ารอรับ 

สำหรับการช่วยเหลือในส่วนของนิคมสหกรณ์แม่แตง จะเข้าไปช่วยดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินนิคมสหกรณ์กับการปลูกถั่วเหลือง ได้แก่ การส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและรายได้ โดยส่งเสริมการรวมกลุ่มกันในรูปแบบสหกรณ์ช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและการรวมกลุ่มยังช่วยให้เกษตรกรสามารถต่อรองราคาผลผลิตได้ดีขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต โดยส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้เครื่องจักรกลเกษตรทดแทนแรงงานเกษตร ซึ่งปัจจุบันแรงงานเริ่มขาดแคลน 

ทั้งยังส่งเสริมสหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด ให้เข้าถึงแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ ส่งเสริมการเพิ่มโอกาสทางการตลาด จัดหาตลาดล่วงหน้า โดยทำสัญญาซื้อขายถั่วเหลืองกับคู่ค้า ประสานงานหาผู้ซื้อถั่วเหลือง เกษตรกรมีตลาดที่แน่นอน ตลอดจนติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำด้านต่าง ๆ แก่เกษตรกรในโครงการ 

ในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนับสนุนเงินทุนกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่สหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด เพื่อใช้เป็นทุนในการรวบรวมถั่วเหลืองจากเกษตรกรสมาชิก ตามโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนาผ่านระบบสหกรณ์ ปีการผลิต 2566/67 ผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.)  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้อนุมัติเงินกู้ดังกล่าวแก่สหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัดสำหรับรวบรวมผลผลิตถั่วเหลืองด้วย จำนวน 3 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ1 เพื่อรับซื้อถั่วเหลือง ปริมาณ 136 ตัน ตอนนี้รวบรวมไปแล้วประมาณ 60 ตัน เกษตรกรมีที่จำหน่ายถั่วเหลือง ลดกลไกผูกขาดด้านราคาจากพ่อค้าคนกลางและมีรายได้ที่แน่นอน

สำหรับเป้าหมายในการพัฒนาปลูกถั่วเหลืองหลังนาของเกษตรกรสมาชิกนิคมฯว่าต้องอาศัยหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมบูรณาการ เช่น หน่วยงานที่ดูแลด้านการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ ทำการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองที่ต้านทานโรคและสภาพดินฟ้าอากาศ ให้ได้เมล็ดพันธุ์คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ พัฒนาองค์ความรู้แก่เกษตรกรและสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สนับสนุนทุนหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันการผลิต การหาเมล็ดพันธุ์คุณภาพ การรวมรวบผลผลิตยังมีความต้องการอยู่ ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองลดลง จากปัจจัยหลายประการ เช่น ต้นทุนการผลิตสูง ค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าแรงงาน ส่งผลให้ค่าตอบแทนจาการปลูกถั่วเหลืองไม่คุ้มค่า ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ที่ดี ความต้องการใช้แรงงานสูง

โดยเฉพาะในช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับเกษตรกรที่มีแรงงานไม่เพียงพอ ราคาถั่วเหลืองยังมีความผันผวนบางปีราคาสูงและบางปีราคาตกต่ำ ตลอดจนสภาพดินฟ้าอากาศ โรคและแมลงศัตรูพืช ส่วนเรื่องการตลาดไม่มีปัญหา เพราะมีบริษัทคู่ค้าทั้งจากเชียงรายและสระแก้วมารับซื้อถึงที่

ด้าน พ่อบุญส่ง ท่าสะออน เกษตรกรปลูกถั่วเหลืองหลังนาและยังรั้งตำแหน่งกรรมการบริหารสหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด กล่าวว่าครอบครัวมีพื้นที่ 10 ไร่ ใช้ปลูกข้าวเหนียวสันป่าตอง 1 หลังจากเสร็จสิ้นฤดูทำนาก็จะมาปลูกถั่วเหลือง โดยใช้พันธุ์เชียงใหม่ 60 ของศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร แต่ที่ผ่านมาราคาถั่วเหลืองไม่ค่อยจะดีนักราคาเพิ่งมาดีช่วง 1-2 ปีมานี่เอง สนนในราคากิโลกรัมละ 21-22 บาท ปกติจะอยู่ 15-18 บาท เท่านั้น 

“ถั่วเหลือง” ได้ปลูกมานานแล้วปลูกมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย วันนี้ก็ยังปลูกอยู่จะปลูกหลังเสร็จนา ปีนี้ก็ทดลองมาปลูกข้าวโพดหวานดูบ้าง แบ่งคนละครึ่งปลูกข้าวโพดหวาน 5 ไร่ ถั่วเหลือง 5 ไร่ ปีนี้ทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองราคาดี แต่ข้าวโพดจะต้องดูแลเยอะกว่า ปีหน้าจะมาปลูกถั่วเหลืองอย่างเดียวเหมือนเดิม เพราะดูแลง่าย ไม่มีโรคแมลงรบกวนและยังขายได้ราคาดี มีไม่พอขาย เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดมาก 

อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงปลูกถั่วเหลืองของเกษตรกรในโครงการนิคมสหกรณ์แม่แตง พร้อมรับปากจะให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ แก่สหกรณ์นิคมแม่แตง จำกัด ทั้งปัจจัยการผลิต สถานที่รวบรวมผลผลิต ตลอดจนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ นำไปดำเนินการขับเคลื่อนปลูกถั่วเหลืองหลังนาและพืชเศรษฐกิจอื่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรสมาชิกให้ดีขึ้น