เจาะเส้นทาง Winona โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย เป้าหมายใหญ่บุกตลาดจีน

นพรัตน์ สุขสราญฤดี ผู้ก่อตั้ง บริษัทวิโนน่า เฟมินิน จำกัด เล่าว่า บริษัทเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เฟมินินแคร์จากสมุนไพรไทย โดยเน้นทำตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเราเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายนอก เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงเริ่มมองหานวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และพบว่าในต่างประเทศมีการนำจุลินทรีย์โพรไบโอติกมาใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพกันเป็นจำนวนมาก 

แต่ในประเทศไทยยังมีน้อยและส่วนใหญ่ต้องนำเข้า ในขณะที่อุตสาหกรรมโพรไบโอติกส์มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น จึงเกิดความสนใจที่จะนำโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ โดยเราได้รับอนุญาตใช้สิทธิข้อมูลเทคโนโลยีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยจำนวน 2 สายพันธุ์ จากศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) 

ถัดมาได้ร่วมวิจัยกับไบโอเทค สวทช. ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์เพื่อสตรี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพที่ดีตามมาตรฐานระดับสากล และมีความพร้อมในการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับ บริษัทวิโนน่า เฟมินิน จำกัด และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์วิโนน่าโพรไบโอติกส์ คือ ผลิตจากจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ Lactobacillus paracasei และ Bifidobacterium animalis สายพันธุ์ไทย ที่มีเซลล์มีชีวิตจำนวนสูง ผ่านการพิสูจน์คุณสมบัติการเป็นโพรไบโอติกส์ที่ดี และได้รับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ขององค์การอาหารและยา (อย.) จากผลการศึกษาโดยศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติกส์ มศว. พบว่าเป็นโพรไบโอติกส์ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในตับและลำไส้ ลดการสะสมของไขมัน ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากโพรไบโอติกส์ไม่ใช่ยาหรือสารเคมี แต่เป็นจุลินทรีย์ตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว

โพรไบโอติกส์ของเรามี 2 สายพันธุ์ คือ จุลินทรีย์ที่มาจากลำไส้ของเด็กเพิ่งคลอดโดยความร่วมมือกับคณะแพทย์มศว.และ จุลินทรีย์จากนมวัวดิบ อนาคตยังมีแผนจะหาเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นด้วย เช่น น้ำนมแม่ ผักดอง ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบเรื่องทรัพยากรที่มีอยู่ 

นพรัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้เราขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี โดยมีตลาดอยู่ในประเทศและต่างประเทศคือจีน ซึ่งมีสำนักงานและพาร์ทเนอร์อยู่ที่จีนเพื่อทำตลาดในจีน หลังจากที่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์แล้วสามารถเข้ากับคนจีนได้ ดังนั้นเราจึงพร้อมรุกตลาดจีน และตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะคนที่กินข้าวเหมือนกับเรา ในการขยายรายได้สู่ 360 ล้านบาทต่อปี เพื่อวางแผนนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาด mai ภายในปี 2570 ดังนั้นจากเดิมที่เราทำตลาด B2C เราจะขยายตลาดสู่ B2B เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนำโพรไบโอติกส์ของเรานำไปใส่ในอาหารเพื่อทำการตลาดต่อไป

สำหรับสินค้าของเรามี 3 ประเภท ได้แก่  1. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 2.เครื่องสำอางดูแลจุดซ่อนเร้น และ 3. เครื่องมือแพทย์ในลักษณะการตรวจจุลินทรีย์ในร่างกายผ่านอุจาระ เพื่อคาดการณ์โรคในอนาคตของแต่ละคน ซึ่งได้ร่วมมือกับ แลปเฉพาะทางของเกาหลี เพื่อส่งผลตรวจกลับมาให้แพทย์คนไทยอ่านผลให้กับผู้ตรวจร่างกาย