posttoday

จุลพันธ์ เผย ADB ให้เงิน ธกส. 1.5 ล้านดอลลาร์หนุน SMEsสีเขียว

17 พฤศจิกายน 2567

รัฐมนตรีช่วย คลัง หารือ ADB หนุนสินเชื่อเพื่อภาคการเกษตร-เอสเอ็มอีสีเขียว ผ่านธนาคารรัฐ เผย ADB เตรียมจัดสรรเงินช่วยเหลือทางวิชาการแก่ ธ.ก.ส. 1.5 ล้านดอลลาร์ พร้อมดำเนินการภายในสิ้นปี2567 นี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมหารือกับนายอานุช เมธา (Mr. Anouj Mehta) ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ประจำประเทศไทยและคณะ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจสีเขียวและการสนับสนุนทางการเงินสำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ให้ความสนใจกับการสนับสนุนเงินทุนสำหรับธุรกิจการเกษตรสีเขียว เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยจะสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคการเกษตรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ทาง ADB อยู่ระหว่างการจัดสรรเงินช่วยเหลือทางวิชาการจำนวน 1.5 ล้านดอลลาร์ สำหรับการดำเนินงานดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนธันวาคม 2567

ขณะที่ธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้มีการทำงานร่วมกับ ADB ในการดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065

นอกจากนี้ ทาง ADB ยังมีแผนจะผสานการสนับสนุนจากกองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียว ซึ่งจะเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SMEs เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ โดยการสนับสนุนนี้จะเป็นการผสมผสานเงินกู้จาก ADB และกองทุนอื่นๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยและเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายจุลพันธ์ ยังได้หารือในส่วนของการสนับสนุนเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการด้านสุขภาพ โดย ADB มีแผนสนับสนุนการพัฒนาโรงพยาบาลในพื้นที่ต่างๆ จำนวน 5 แห่ง ซึ่งขณะนี้ กระบวนการตรวจสอบและประเมินข้อมูลนั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังมีการปรับการประมาณการต้นทุนใหม่

“กระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 นี้ ขณะที่โครงการด้านการบริหารจัดการน้ำท่วมซึ่งถือเป็นอีกโครงการสำคัญเพื่อรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงคาดว่าจะสามารถดำเนินการขออนุมัติโครงการนี้ได้ภายในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมปี 2568”นายจุลพันธ์กล่าว