เปิดใจ "เอพริล เบเกอรี่" กับแผนขยายอาณาจักรขนมหวานสู่ 1,000 ล้าน
ถอดรหัสความสำเร็จ “คุณอร กนกกัญจน์ มธุรพร” จากแอร์โฮสเตสสู่เจ้าของอาณาจักรขนมหวาน 630 ล้าน “เอพริล เบเกอรี่” กับแผนทะยานสู่ 1,000 ล้านใน 2 ปี
ถอดรหัสเรื่องราวความสำเร็จของ บริษัท สิงหาฟู้ดส์ อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือแบรนด์ เอพริล เบเกอรี่ ต้นตำรับพายหมูแดงสูตรฮ่องกง เจ้าแรกในประเทศไทย
จากบูธขายขนมเล็ก ๆ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคลองผิดลองถูก สู่ผู้นำในอุตสาหกรรมเบเกอรี่ของไทย ที่สร้างรายได้ในปี 2567 สูงถึง 630 ล้านบาท
พร้อมเป้าหมายอันท้าทายที่จะทะยานสู่ยอดขาย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 และขยายฐานสู่ตลาดต่างประเทศ
คุณอร กนกกัญจน์ มธุรพร
จากฟากฟ้าสู่หน้าเตา กำเนิด “เอพริล เบเกอรี่”
เรื่องราวของ “เอพริล เบเกอรี่” ถือกำเนิดจาก คุณอร กนกกัญจน์ มธุรพร ขณะที่ชื่อแบรนด์ “เอพริล เบเกอรี่” นั้นมาจากเดือนเกิดของเธอในเดือนเมษายน
หลังจากสั่งสมประสบการณ์เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินอีวาแอร์เป็นเวลา 2 ปี คุณอรตัดสินใจผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัว ด้วยเงินทุนเก็บหอมรอมริบราว 6 หลัก
เธอเริ่มต้นความฝันด้วยการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ขนาด 15 ตารางเมตร ในย่าน CDC จากจุดเริ่มต้นเพียงบูธขายขนมเล็ก ๆ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและลองผิดลองถูกมาตลอดกว่า 10 ปี เพื่อสร้างจุดขายและตัวตนให้เป็นที่จดจำในคุณภาพของสินค้า
คุณอร เผยกับ Posttoday ว่าเธอเป็นคนต่างจังหวัด (นครสวรรค์) ตั้งความหวังว่ารายได้จากการขายกาแฟเดือนละ 40,000 บาท จะเพียงพอต่อการดำรงชีวิต
เนื่องจากเธอเคยได้รับเงินเดือน 40,000 บาทต่อเดือนขณะทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาก่อน
เธอจึงคาดหวังว่าหากธุรกิจของเธอสร้างรายได้ในระดับเดียวกันก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ขัดสน
แต่ความเป็นจริงกลับไม่สวยหรูนัก ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนั้นมียอดขายเพียงวันละ 200-800 บาท ขณะที่ค่าเช่าสูงถึง 30,000 บาทต่อเดือน
ทำให้ธุรกิจร้านกาแฟไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แม้จะพยายามปรับปรุงร้านและเพิ่มเมนู แต่ด้วยข้อจำกัดด้านความรู้และทักษะด้านอาหาร ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้
พายหมูแดง จุดแข็งกู้ความมั่นใจ
จุดเปลี่ยนสำคัญของ “เอพริล เบเกอรี่” เกิดขึ้นเมื่อคุณอรได้รับโอกาสในการนำเสนอสินค้าในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยเริ่มต้นที่สาขาพระราม 3
แม้ในช่วงแรกจะยังไม่ได้นำพายหมูแดงไปจำหน่าย แต่ได้ลองขายขนมปังและเค้กทั่วไป ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี มียอดขายถึง 20,000 บาทในวันแรกที่ไปขายเอง
แต่ความนิยมนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน ยอดขายเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซ็นทรัลแนะนำให้คุณอรลองนำเสนอสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ
ในที่สุด คุณอรได้ตัดสินใจนำ “พายหมูแดง” ซึ่งเป็นสูตรที่คิดค้นและทำเองทุกวัน ไปเสนอขาย แม้ในช่วงแรกยอดขายจะไม่ดีนัก และคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
แต่ด้วยความมั่นใจในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้คุณอรเชื่อมั่นว่าสินค้าตัวนี้จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับ “เอพริล เบเกอรี่” ได้ในที่สุด
มุ่งตรงสู่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และจุดเปลี่ยนที่เกือบทำให้ล้มเลิก
การเข้าสู่ตลาดร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มรู้จัก “เอพริล เบเกอรี่” มากขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ
คุณอรเผยกับ Posttoday ว่าแม้ยอดขายจะเติบโต แต่ต้นทุนที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ธุรกิจยังไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวังไว้ จำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นก็เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้ง
นอกจากนี้ การขยายตลาดไปยังสิงคโปร์ด้วยเงินลงทุนก้อนสุดท้ายกลับไม่ประสบความสำเร็จและขาดทุนอย่างมหาศาล ทำให้ในช่วงเวลานั้น คุณอรรู้สึกท้อแท้และคิดที่จะล้มเลิกกิจการ
ช็อกโกแลต ดูไบ
พลิกวิกฤตด้วย “ช็อกโกแลต ดูไบ ” ไวรัลฮิตติดลมบน
ในช่วงปลายปี 2567 เอพริล เบเกอรี่ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ช็อกโกแลต ดูไบ” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกระแสไวรัลในโลกออนไลน์
ด้วยการนำเสนอในราคาที่เข้าถึงง่ายเพียง 39 บาท ขณะที่ “ช็อกโกแลต ดูไบ ” ส่วนใหญ่ต้องพรีออเดอร์ รอของจากต่างประเทศและมีราคาจำหน่ายราวๆ 400-600 บาท
ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สามารถสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลาย จนกลายเป็นสินค้าที่ช่วยผลักดันยอดขายรวมของทั้งปี 67 ให้เติบโตอย่างน่าประทับใจ
จากเดิมที่สินค้าของเอพริล เบเกอรี่ ใน 7-Eleven มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 - 70,000 ชิ้นต่อวัน (รวมทุก SKU) แต่หลังจาก “ช็อกโกแลต ดูไบ” ได้รับความนิยมอย่างสูง
ยอดขายรวมพุ่งขึ้นไปถึง 180,000 ชิ้นต่อวัน โดย “ช็อกโกแลต ดูไบ” เพียงอย่างเดียว ก็มียอดขายสูงถึง 70,000 ชิ้นต่อวันแล้ว และยังคงรักษาระดับได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายเดือน
หลากหลายผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ปัจจุบัน เอพริล เบเกอรี่ ไม่ได้มีเพียงพายหมูแดงที่เป็นสินค้าเริ่มต้น แต่ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในทุกช่องทาง โดยแบ่งออกเป็น
- พายอบสดหน้าร้าน: พายสูตรต้นตำรับที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
- สินค้าสำหรับร้านกาแฟ: ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากทั้งที่ขายหน้าร้านและใน 7-Eleven
- สินค้าใน 7-Eleven: วางจำหน่ายกว่า 14,000 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 80%
- ช่องทางอื่นๆ: อาทิ Line Ads, TikTok และออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5%
นอกจาก “ช็อกโกแลต ดูไบ” แล้ว สินค้าขายดีอื่นๆ ใน 7-Eleven ได้แก่ “เปี๊ยะลาวาไข่เค็ม” ซึ่งได้รับความนิยมต่อเนื่องเป็นปีที่ 3-4 และ “เค้กทุบ” กระแสช็อคโกแลตสุดไวรัลจากเกาหลี
เปี๊ยะลาวาไข่เค็ม
ขยายกำลังการผลิต รองรับการเติบโต
ในปี 2567 ที่ผ่านมา เอพริล เบเกอรี่ มีรายได้รวมทุกช่องทางจำหน่ายอยู่ที่ 630 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยช่องทางจำหน่ายแบ่งเป็น 4 ช่องทาง ประกอบด้วย
1.Modern Trade (50%)
2.Off-line Sale (30%)
3.E-Commerce B2C (20%)
4.Distributor (10%)
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเอพริล เบเกอรี่ ส่งผลให้ต้องมีการลงทุนครั้งใหญ่ในการขยายกำลังการผลิต
ในปี 2567 บริษัทได้ลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท ในการซื้อโรงงานและที่ดินเพิ่มเติม รวมถึงเครื่องจักรใหม่ ทำให้ปัจจุบันมีโรงงานทั้งหมด 9 แห่ง
และมีพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 500 คน เป็น 1,200 คน ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ถึง 300,000 ชิ้นต่อวัน
ก้าวสู่ตลาดโลก ด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่
เอพริล เบเกอรี่ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศไทย แต่ยังมองไกลไปถึงตลาดต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ซึ่งนำไปสู่การเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
สำหรับเป้าหมายในอนาคต คุณอรเผยว่า มีความฝันที่จะนำสินค้า เอพริล เบเกอรี่ ไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Costco ในสหรัฐอเมริกา
ต่อยอดความสำเร็จ สู่สวนโกโก้ของตัวเอง
เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลต และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เอพริล เบเกอรี่ ยังมีแผนที่จะพัฒนาสวนโกโก้ของตัวเองในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อปลูกโกโก้อินทรีย์ บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ในอนาคต และอาจพัฒนาไปสู่การเปิดร้านจำหน่ายช็อกโกแลตที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
เส้นทางการเติบโตของ “เอพริล เบเกอรี่” ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของผู้หญิงตัวเล็กๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์
ด้วยกลยุทธ์ที่เฉียบคม การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดนใจผู้บริโภค และการมองการณ์ไกลในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
ทำให้เอพริล เบเกอรี่ ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเบเกอรี่ของไทยได้อย่างภาคภูมิ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 1,000 ล้านบาท และสร้างชื่อเสียงในตลาดโลกต่อไป