posttoday

ศาลสั่งจำคุก1ปี6เดือน "พระพรหมกวี" สั่งรื้อถอนบูรณะ"ศาลาราย"โบราณสถานไม่ชอบ

25 เมษายน 2562

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 30,000 บาท "พระพรหมกวี" เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ สั่งรื้อถอนบูรณะศาลาราย โบราณสถานไม่ชอบ โดยให้รอลงอาญา 1 ปี

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 30,000 บาท "พระพรหมกวี" เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ สั่งรื้อถอนบูรณะศาลาราย โบราณสถานไม่ชอบ โดยให้รอลงอาญา 1 ปี

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.62 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าที่ยื่นฟ้อง “พระพรหมกวี” เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ย่านธนบุรี และเจ้าคณะภาค 13 ว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “พระพรหมกวี” เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ย่านธนบุรี เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำ อท.34/2562 ในความผิด พ.ร.บ.วัตถุโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 4,8,10,32,35 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2504 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84

ซึ่งอัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 21 ก.พ.62 ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม รวบรวมสำนวนพยานหลักฐานพร้อมความเห็นควรฟ้อง ส่งพนักงานอัยการ

โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.บ.วัตถุโบราณสถานฯ มาตรา 10 , 32 วรรคสอง , 35 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 84 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 3 ปี และปรับ 60,000 บาท

จำเลย ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง จึงจำคุก 1 ปี 6 เดือนและปรับ 30,000 บาท และเมื่อคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติและสติปัญญา การศึกษา และอาชีพ สิ่งแวดล้อม ของจำเลยซึ่งเป็นพระภิกษุ เป็นผู้ปฏิบัติตนอยู่ในศีล ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหลวง เพื่อทำการปรับปรุงพัฒนาวัดและยังจัดตั้งโรงเรียนสงฆ์อีกด้วย การที่จำเลยบูรณสังขรณ์วัด ทำให้ทัศนียภาพของกุฏิสงฆ์ ศาลารายภายในวัดสวยงาม ตลอดจนภาพลักษณ์ของวัดมีความปลอดภัยมากขึ้นสมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวประจำชาติไทย ประกอบกับไม่มีเรื่องของการทุจริตหรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

ผู้สื่อรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ฟ้องของอัยการโจทก์ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 17 ก.พ.-13 มี.ค.58 ขณะที่จำเลย เป็นเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ มาตรา 45 โดยจำเลย มีหน้าที่บำรุงรักษาวัด จัดกิจการและสาธารณะสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดีถูกต้องตามกฎหมาย ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยร่วมกับพวกซึ่งแยกไปดำเนินคดี และก่อให้ด้วยการใช้จ้างวานยุยง ส่งเสริมให้ นายฉลอง ไทยขำ จำเลยในศาลอาญาธนบุรี คดีอาญา หมายเลขแดง 2364/2559 (ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษไปแล้ว) กับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เสื่อมค่า และทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งกุฏิคณะ1จำนวน 1 หลัง และศาลาราย 1 หลังอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ภายในวัดกัลยาณมิตรฯ เป็นโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว

ซึ่งการที่จำเลยกับพวก ร่วมกันก่อให้นายฉลองกับพวกร่วมกันทุบทำลายให้เสื่อมค่ากุฏิสงฆ์คณะ1 และศาลารายดังกล่าวที่เป็นโบราณสถานซึ่งขึ้นทะเบียนแล้วให้เสียหาย โดยไม่รับอนุญาตเป็นหนังสือ และไม่ใช่การทำตามคำสั่งจากอธิบดีกรมศิลปกร ทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ด้านการคุ้มครองดูแลรักษา ซ่อมแซมหรือกระทำการใดอันเป็นการบูรณะ หรือรักษาไว้ให้คงสภาพเดิมซึ่งโบราณสถาน เพื่อเป็นประโยชน์คุณค่าในทางศิลปะประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดีอันเป็นทรัพย์มรดกที่มีค่ายิ่งของชาติ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ การกระทำของจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต