โพลชี้คนไทย89% เปลี่ยนพฤติกรรมอยู่บ้านมากขึ้น ไม่มั่นใจรัฐบาลคุมโควิด
ดุสิตโพลเผยคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรม อยู่กับบ้านมากขึ้น 89.60% ขณะที่ส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจรัฐบาลคุมการแพร่ระบาดโควิด-19
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “พฤติกรรมของ “คนไทย”ในภาวะวิกฤต โควิด-19” โดยสำรวจ ความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,183 คน ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-3 เมษายน 2563 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนจากกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้คนไทยและประเทศไทยต้องได้รับบทเรียนและผลกระทบอย่างมาก การจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการระบาดของโรค และช่วยลดการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ สรุปผลได้ ดังนี้
1. สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวคนไทยเมื่อเกิดวิกฤต โควิด-19
พฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงในระดับ “มากขึ้น” คือ อยู่กับบ้าน 89.60% การดูแลสุขภาพ 85.30% การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ 62.77% ทำงานที่บ้าน 61.42% ดื่มน้ำ 60.07% และใช้โทรศัพท์(คุย/เล่นโซเชียล) 59.16%
ส่วนพฤติกรรมของคนไทยที่ยัง“เหมือนเดิม” คือ รับประทานยา 47.97% การออกกำลังกาย 47.44% และเล่นเกมส์/เล่นคอมพิวเตอร์ 35.88%
ในขณะที่พฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงในระดับ“น้อยลง” คือ ทำงานที่ออฟฟิศ 42.26%
พฤติกรรมที่“ไม่ได้ทำ”ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 คือ สังสรรค์กับเพื่อนฝูง 56.49% และเที่ยวนอกบ้าน 54.38%
2. ประชาชนพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล กรณี โควิด-19 ณ วันนี้ มากน้อยเพียงใด?
พอใจมาก 10.15%
ค่อนข้างพอใจ 36.73%
ไม่ค่อยพอใจ 34.02%
ไม่พอใจเลย 19.10%
3. ประชาชนมีความมั่นใจต่อการบริหารจัดการของรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 มากน้อยเพียงใด?
มั่นใจมาก 7.76%
ค่อนข้างมั่นใจ 29.72%
ไม่ค่อยมั่นใจ 40.18%
ไม่มั่นใจเลย 22.34%