ศบค.เปิด 10 เขตกทม.ติดเชื้อโควิดสูงสุด จับตาคลัสเตอร์ชุมชนยอดพุ่ง
โฆษกศบค. เปิดรายชื่อ 10 เขต ใน กทม.พบผู้ติดเชื้อสูงสุด จับตา คลัสเตอร์ 3 ชุมชนหลัก ชุมชนคลองเตย-ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ปทุมวัน-ชุมชนบ้านขิง บางแค พร้อม ปรับเวลาแถลงใหม่ เป็น 12.30 น.
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19ประจำวัน ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่วันนี้ จำนวน 10 อันดับแรก พบ 1.กทม. 739 ราย 2.นนทบุรี 273 ราย 3.สมุทรปราการ 143 ราย 4.ชลบุรี 76 ราย 5.สมุทรสาคร 65 ราย 6.สุราษฎร์ธานี 53 ราย 7.นครปฐม 47 ราย 8.พระนครศรีอยุธยา 35 ราย 9.ฉะเชิงเทรา 35 ราย 10.ปทุมธานี 31 ราย,นครศรีธรรมราช 31ราย
โฆษกศบค. กล่าวว่า ตัวเลขกทม.รวมกับปริมณฑล มีผู้ติดเชื้อรวมมากกว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ยังไม่น่าไว้วางใจ กราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนแออัด ตลาดโดย ศูนย์บูรณาการแก้ไขโควิด-19ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลยอดผู้ติดเชื้อระลอกเดือน เม.ย. ซึ่งดูแนวโน้มแล้วยังสูงขึ้น โดย 10 เขต ในพื้นที่ กทม. ที่พบผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-5 พ.ค. คือ 1.ห้วยขวาง 463 ราย 2.ดินแดง 426 ราย 3.บางเขน 357 ราย 4.วัฒนา 330 ราย 5.จตุจักร 356 ราย 6. ลาดพร้าว 325 ราย 7.วังทองหลาง 300 ราย 8.สวนหลวง 290 ราย 9.บางกะปิ 282 ราย และ 10. บางแค 241 ราย ที่ประชุมมีการพูดคุยถึงชุมชนที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่3ชุมชน คือ ชุมชนคลองเตย ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ปทุมวัน และชุมชนบ้านขิง บางแค โดยเฉพาะชุมชนบ้านขิง ที่ระหว่างวันที่28เม.ย.-1พ.ค. มีการตรวจเชิงรุกในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในเขตดังกล่าว จำนวน1,413ราย พบติดเชื้อ68ราย และยังมีท่าปล่อยรถเมล์ที่มีพนักงาน100คน พบติดเชื้อ4ราย โดยเมื่อวันที่4พ.ค. มีการตรวจหาเชื้อพนักงาน70ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล ซึ่งพนักงานเหล่านี้เชื่อมโยงไปยังชุมชนบ้านขิงที่มีประชากรกว่าพันคน โดยเมื่อวันที่28เม.ย. มีการรับแจ้งว่าคนในชุมชนพบเชื้อ30ราย วันที่30เม.ย.พบเชื้ออีก24ราย วันที่3พ.ค. มีการค้นหาเชิงรุกในชุมชนพบติดเชื้ออีก25ราย
เร่งค้นหาเชิงรุกกทม.สัปดาห์ละ 2.6 หมื่นราย
โฆษกศบค. กล่าวอีกว่า จะมีการตรวจพื้นที่เชิงรุกมากยิ่งขึ้น เนื่องจากถ้าดูตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันแล้ว จำนวนที่พบจากการตรวจเชิงรุกถือว่าน้อยกว่าระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ ทั้งนี้ ข้อมูลระหว่างวันที่ 5 เม.ย. - 5 พ.ค. มีการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ กทม. ทั้งสถานบันเทิง สถานประกอบการ ตลาด ชุมชน และห้างสรรพสินค้า รวม 49 แห่ง 69 ครั้ง ตรวจไปแล้ว 42,251 ราย พบติดเชื้อ 1,677 ราย คิดเป็น 3.97% ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า ในชุมชนที่ลงไปตรวจ 100 คน จะมี 4 คนที่ติดเชื้อ และยังรอผลอีก 559 ราย
โดย กทม.มีแผนตรวจเชิงรุกให้ได้ 26,850 รายต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นการตรวจเชิงรุกในคลัสเตอร์สำคัญ 8,300 รายต่อสัปดาห์ เฝ้าระวังเชิงรุกใน 6 โซน กทม. วันละ 3,000 ราย หรือ 15,000 รายต่อสัปดาห์ การสุ่มตรวจในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 250 ตัวอย่างต่อวัน หรือ 1,750 รายต่อสัปดาห์ และการตรวจในสถานกักตัวของรัฐ ที่มีการจัดเป็นที่พักให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแยกตัวออกมาอยู่ในโรงแรม 3 แห่ง คือ โรงแรมธำรงอินน์ จรัญสนิทวงศ์ โรงแรมมายโฮเทล ห้วยขวาง และโรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท วันละ 600 คนต่อวัน หรือ 1,800 รายต่อสัปดาห์ ขณะเดียวกัน จะมีการจัดเตรียมเตียงรองรับไว้ให้ได้ 1,343 เตียงต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับคนที่ตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19
ยันตั้งศูนย์บูรณาการฯไม่ซ้ำซ้อน
นพ.ทวีศิลป์ ตอบคำถามกรณีคณะกรรมการ 3 ชุดที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งขึ้นเพื่อบูรณาการงานในส่วนของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะทำงานอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อนกับงานของศบค. ว่า คณะกรรมการฯดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งใน ศบค. ทำงานประสานงานเชื่อมโยงระหว่างคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องและเชื่อมโยงข้อมูลขึ้นมาสู่การบริหารจัดการในระดับที่นายกรัฐมนตรีจะได้เข้ามารับรู้ข้อมูลเป็นรายวันโดยเร็วเพื่อบริหารสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับภาคส่วนอื่นๆ ยังดูแลกันเหมือนเดิม
ศบค.ปรับเวลาแถลง เป็น 12.30 น. เริ่มพรุ่งนี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ในวันพรุ่งนี้( 7พ.ค.) เป็นต้นไปการแถลงข่าวโดย ศบค. จะปรับเวลาเป็น 12.30 น. ซึ่งก่อนการแถลงจะมีการประชุม 3-4 การประชุม เพื่อนำสถานการณ์และข้อสรุปมารายงานต่อประชาชน และเวลา 13.15 น.- 13.45 น. จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขกรมควบคุมโรค หรือ ศบศ. ที่จะเข้ามาตอบคำถามในแต่ละวัน และในบางวันเวลา 15:00 น. จะมีเลขาสมช.ตอบคำถามในบางวัน