หนุ่มใหญ่โพสต์เหนื่อยเดินต่อไปไม่ไหวจุดไฟเผาตัวเหลือแต่เถ้ากระดูก

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.พ.ต.ต.สุริยัน ภูนบทอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากศุนย์วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุคนถูกเผาเสียชีวิตเหลือแต่เถ้ากระดูก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผก.สภ.ท่าพระ ,หน่วยพิสูจน์หลักฐานขอนแก่น,แพทย์เวร รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ มูลนิธิสว่างขอนแ่กนสามัคคีอุทิศ พร้อมประสานรถน้ำดับเพลิง จาก อบต.ท่าพระ เข้าทำการสกัดและควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้

ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุอยู่บริเวณป่าละเมาะข้างวัดป่าสวนมอน ม.19 บ้านหนองโข่ย ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่พบไฟกำลังลุกไหม้กองไม้ยูคาอยู่จึงต้องระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดและควบคุมเพลิงโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพลิงจึงสงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้ฉีดน้ำดับไฟจนสงบ โดยพบเถ้ากระดูกขาวโพลนไปทั่วบริเวณเป็นร่างของมนุษย์ชัดเจน จากการตรวจสอบพบรถสามล้อเครื่องจอดอยู่ 1 คันภายในรถมีเครื่องมือช่างวางอยู่

จากการสอบถามนางสังวาลย์ ชัยกาศ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 /1 ม.19 บ้านหนองโข่ย เปิดเผยว่า โครงกระดูกที่อยู่ในกองไฟนั้นคาดว่าจะเป็นนายชัยยันต์ ศรหาร อายุ 50 ปี สามีของตนเองที่อยู่กินด้วยกันมาได้ประมาณ 2 ปี ผู้ตายมีอาชีพค้าขายไม้ยูคาลิปตัส และเป็นช่างซ่อมจักรยานยนต์ ป่วยเป็นโรคหัวใจอ่อนแรง กินยาสลายลิ่มเลือดเป็นประจำและได้ทำบายพลาสหัวใจมาแล้ว 1 ครั้ง

"ก่อนเกิดเหตุผู้ตาย ได้ขนไม้ยูคาลิปตัสจากร้านริมถนนท่าพระ – มหาสารคาม มาวางไว้ที่สวนข้างวัดป่าสวนมอน เพราะต้องการจะเซ้งร้านให้กับคนอื่น จากนั้นไม่มีใครพบผู้ตายอีกเลย ได้ออกตามหามาตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาแต่ก็หาไม่พบ จนกระทั่งมีคนไปแจ้งว่านายชัยยันต์ได้เผาตัวเองตายในกองเพลิงแล้ว จึงรีบมาตรวจสอบ เมื่อมาถึงพบรถและอุปกรณ์ในรถจึงมั่นใจว่าผู้ตายคือสามีอย่างแน่นอน"นางสังวาลย์กล่าว

นางสังวาลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ตายพบว่า มีการโพสต์ข้อความว่า”ลาก่อนนะครับ เพื่อนๆรุ่น 3 ทุกคน ลาก่อนครับ ขอให้เพื่อนมีแต่ความสุขนะครับ รักเพื่อนทุกคน” นอกจากนี้ได้โพสต์ว่า “เหนื่อยไม่มีแรงจะเดิน ผมขอพัก ยกโทษให้ผมด้วยผมเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว” จึงมั่นใจว่านายชัยยันต์เผาตัวเองตายในกองเพลิงจนกระทั่งมีผู้มาพบดังกล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.ท่าพระ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว เพื่อที่จะส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป ขณะเดียวกับภรรยาขอผู้ตายไม่ติดใจเอาความ จึงอนุญาตให้นำเถ้ากระดูกกลับไปประกอบพิธ๊บำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป