เลือกตั้ง66: ปชป.กทม.ประเดิมโรดโชว์นโยบายพรรค ตลาดเอี่ยมสมบัติ
"องอาจ" ประกาศลุยทุกเขตขอคะแนนหนุนทั้งคนทั้งพรรค ขณะ "ดร.เอ้" อ้อนขอโอกาส ได้ทำงาน "ผู้การแต้ม" ขอต่อสู้ยาเสพติด ไม่เอากัญชาเสรี เอื้อพรรคการเมืองและนายทุน-ต้านทุจริต ด้าน "มาดามเดียร์" ชู นโยบายแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ย้ำ ความเป็นสถาบันการเมือง พึ่งพิงได้ ไม่ขายฝัน
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 พรรคประชาธิปัตย์ จัดกิจกรรมโรดโชว์ เปิดนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กทม. วันแรกที่บริเวณแยกศรีนุช (ถนนอ่อนนุช ตัดกับถนนศรีนครินทร์) นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค น.ส. วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร นายจักรวี วิสุทธิผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสะพานสูง-ประเวศ
โดยมีการตั้งเวทีรถโมบายหาเสียงขนาดใหญ่ ตรงข้ามตลาดเอี่ยมสมบัติ เริ่มด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ได้ขึ้นมากล่าวทักทายประชาชนที่มาจับจ่าย และสัญจรไปมา พร้อมบอกว่ารถคันนี้จะขับเคลื่อนไปทุกพื้นที่ในกรุงเทพมหานครตามวิถีทางของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อไปพูดคุย ขอคะแนนเสียงสนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกเขต และย้ำขอให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค
จากนั้น ดร.เอ้ สุชชัวีร์ ได้กล่าวขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนทำให้ ดร.เอ้ คะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 และวันนี้ตนยังอยู่ที่นี่ อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และสัญญาว่าทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุน จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ก่อนจะโชว์วัดค่าฝุ่น pm2.5 ซึ่งบริเวณนี้สูงถึง 80 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ และยังเป็นพรรคแรกที่ประกาศนโยบายกรุงเทพต้องไม่จมน้ำ อีกทั้งตนเป็นคนดูแลนโยบายการศึกษาโดยตรง คือต้องให้คนไทยเรียนฟรีถึง ป.ตรี นโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน พร้อมกล่าวว่า ตนเข้าใจดีว่าประชาชนหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องเลือกผู้แทนเข้าไปทำงานแทน ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์อยากทำงานแต่วันนี้เสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส. ในกรุงเทพมหานครแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงขอเสียงสนับสนุนให้มี ส.ส. จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ได้เข้าไปทำงานในสภาและผลักดันนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติจริงต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ประกาศย้ำถึงนโยบายด้านยาเสพติด และต่อต้านการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ "ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด ปราบทุจริต ที่เป็นวิกฤติชาติ" พร้อมย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอากัญชาเสรีโดยเด็ดขาด แต่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และไม่เอากัญชาออกจากยาเสพติด เพราะจะเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมือง และนายทุน นอกจากนี้ยังได้ประกาศอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาการทุจริต หากได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ออกกฎหมาย ให้ผู้กระทำผิด ผู้ช่วยเหลือและผู้สนับสนุนให้เกิดการทุจริต ต้องรับโทษเท่ากันสถานเดียว คือการประหารชีวิต
ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครของพรรค เชื่อมั่นในตัวหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ว่าสามารถมาเป็นผู้นำประเทศ มีความรู้มีประสบการณ์เป็น ส.ส. มาถึง 11 สมัย เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ พร้อมกับถามพี่น้องประชาชนว่า จะเอาผู้นำที่พาแต่ครอบครัวตัวเองเข้ามาทำงาน ผู้แทนที่มีแต่โมโหโกรธ ผู้นำที่เดินแบบแพนกวิ้น ผู้นำที่พี้กัญชาทุกวัน หรือไม่ ?
ขณะที่ น.ส. วทันยา กล่าวว่าปัญหาเรื่องเงิน วิกฤติปากท้อง เป็นปัญหาหลักของชาวกรุงเทพ สืบเนื่องมาตั้งแต่วิกฤติโควิด ตามมาด้วยวิกฤติสงคราม ทำให้ต้นทุนต่างๆ สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามมา และปัญหาเหล่านี้ได้รับผลกระทบทั่วโลก ซึ่งบรรดานักวิชาการทั่วประเทศได้ออกมาพูดแล้วว่า ปัญหาหลักที่สำคัญที่ใหญ่ที่สุด ในปี 2566 คือ ปัญหาเศษฐกิจ
“กว่า 77 ปีที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่พึ่งพาให้กับคนกรุงเทพฯ และคนไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มี นายชวน หลักภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามากู้วิกฤติ รวมถึงสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์มีผลงาน และแน่นอนว่า พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จะเป็นสถาบันการเมือง ที่จะเป็นที่พึ่งพาให้กับประชาชน” น.ส.วทันยา กล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ผ่านงานมาแล้ว 7 กระทรวง เข้าใจกลไกในการทำงาน เข้าใจระบบบริหารงบประมาณแผ่นดิน เป็น ส.ส.ถึง 11 สมัย เรามีรากฐานจากประชาชน และยึดเป็นอุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ยังมีผู้สมัครที่ไม่น้อยหน้า แต่นำหน้าผู้สมัครพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะผู้สมัครทั้งในเขต สวนหลวง และเขตประเวศ ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ อีกทั้ง ยังมีนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ใช่การขายฝัน เพราะได้ยึดหลักว่า พูดอะไรไป ต้องทำได้ เพราะพรรคยังจะอยู่กับประชาชนอีกนาน ไม่ใช่นโยบาย ลด แลก แจก แถม โดยไม่คำนึงถึงอนาคต เพราะเลือกตั้งรอบหน้า พรรคนั้นก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
น.ส.วทันยา ยังย้ำถึงนโยบายธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท เงินทุน SMEs 300,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงิน แหล่งทุน สำหรับนำมาขยายกิจการ รวมถึงนโยบาย กองทุนไอเดียหมื่นล้าน สนับสนุนงบประมาณให้กับผู้มีความคิดสร้างสรรค์ นำเงินไปเปลี่ยนเป็นธุรกิจได้ นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ โดยการตั้งกองทุนชมรมผู้สูงวัยปีละ 30,000 บาทอีกด้วย
“หวังว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจ ทำงานซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง จะทำให้วันที่ 14 พ.ค. นี้ พี่น้องชาวตลาดเอี่ยมสมบัติ จะลงคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น” น.ส.วทันยา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง นายจักรวี วิสุทธิผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ และ นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสะพานสูง-ประเวศ ได้ขึ้นมาแนะนำตัว และขอคะแนนสนับสนุนเพื่อให้ได้เป็นผู้แทนและเข้าไปทำหน้าที่ ทำประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป