posttoday

เลือกตั้ง66:องอาจ ย้ำ พร้อมเทงบ 3แสนล้าน ขับเคลื่อน เศรษฐกิจฐานราก

01 พฤษภาคม 2566

องอาจ แจกแจง นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พรรคประชาธิปัตย์ หนุน Startup SME ให้มีแต้มต่อ ทำให้เกิดการแข่งขันได้ พร้อมเทงบหนุนกว่า 3 แสนล้านบาท ชี้ เป็นธุรกิจ ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 13ล้านคน

วันที่ 1 พ.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก คือ นโยบาย Startup  SME ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน เพราะ Startup – SME ถือเป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น จากข้อมูลปี 2565 พบว่า มีผู้ประกอบการ Startup – SME มากกว่า 3 ล้านราย ก่อให้เกิดการจ้างงานเกือบ 13 ล้านคน มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.6 ของยอดการส่งออกรวมตลอดปี

นโยบายนี้ ต้องการยกระดับขีดความสามารถของ Startup – SME ไทย ให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยพรรคประชาธิปัตย์ จะมีมาตรการเพื่อเป็นแต้มต่อให้ Startup – SME 3 ประการคือ

แต้มต่อที่ 1 ด้านการผลิต สนับสนุนให้ Startup – SME มีการบริหารธุรกิจที่ทันสมัย บนพื้นฐานของนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการดำเนินธุรกิจ สร้างการยอมรับของตลาด และมุ่งปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Transformation)

แต้มต่อที่ 2 ด้านการตลาด ผลักดัน Startup – SME ให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยให้สิทธิพิเศษด้านการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการของตนต่อตลาดภายนอกได้ 

แต้มต่อที่ 3 จัดตั้งกองทุน 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กลุ่ม Startup – SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับการพัฒนา ต่อเติม ขยายกิจการตลอดจนการเพิ่มทุนธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไปได้

นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของประเทศที่เดินหน้ามาได้อย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากแรงขับเคลื่อนอย่างสำคัญของ Startup – SME ไทย ที่เป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่สอดประสานสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทยให้รุดหน้าไปพร้อมๆ กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคส่วนอื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้นำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้ประเทศเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป