มินอ่องหล่ายเปิดใจให้กับสื่อต่างชาติครั้งแรกหลังรัฐประหาร
เปิดคำให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของมินอ่องหล่ายกรณียึดอำนาจและความคืบหน้าสถานการณ์การเมืองในเมียนมา
มินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐประหารเมียนมาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ความยาว 2 ชั่วโมงในรายการ Talk With World Leaders ของสถานีโทรทัศน์ Phoenix Television ของฮ่องกงเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยประเด็นส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับการทำรัฐประหารและสถานการณ์ความวุ่นวายในเมียนมา นับเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนจีน
มินอ่องหล่ายให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนชาวจีนหลังโรงงานที่เกี่ยวข้องกับจีนหลายแห่งในเมืองย่างกุ้งถูกวางเพลิงเสียหาย “พลเมืองของเราไม่ได้เกลียดจีน มันเกิดขึ้นเพราะเหตุผลทางการเมือง”และยังเผยว่าได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเขตอุตสาหกรรมที่โรงงานจีนถูกเผา และกำชับให้เจ้าหน้าที่ในเมืองย่างกุ้งปกป้องโครงการที่ได้รับเงินลงทุนจากจีนอย่างเต็มที่
อองซานซูจี
มินอ่องหล่ายพูดถึงอองซานซูจีว่า “อองซานซูจียังสุขภาพดี เธอยังอยู่ในบ้านและจะไปขึ้นศาลในอีกไม่กี่วันนี้” หลังจากนั้นวันจันทร์ (24 พ.ค.) อองซานซูจีก็ปรากฏตัวต่อศาลด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การทำรัฐประหาร และเมื่อถูกถามถึงความสำเร็จทางการเมืองของซูจี มินอ่องหล่ายตอบว่า “เธอทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว”
โต้แย้งตัวเลขผู้เสียชีวิต
ข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองระบุว่า นับตั้งแต่เกิดการประท้วงมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 815 ราย แต่มินอ่องหล่ายชี้แจงในรายการว่าตัวเลขที่แท้จริงอยู่ที่ราว 300 ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 47 ราย และบาดเจ็บอีก 200 ราย
เชื่อความขัดแย้งไม่บานปลาย
มินอ่องหล่ายมั่นใจว่าความรุนแรงจะไม่บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งที่ใหญ่ขึ้น “ผมคิดว่าไม่เกิดสงครามกลางเมือง”
ประชาธิปไตยจะกลับมาใน 1 ปี
หลังยึดอำนาจ กองทัพเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี และจะจัดการเลือกตั้งอีกครั้งหลังจากนั้น ล่าสุดมินอ่องหล่ายเผยว่า “สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้นคือ สหพันธรัฐที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตยหลายพรรคและสมาพันธรัฐ หากสถานการณ์อำนวย เราหวังว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ภายใน 1 ปี หากยังไม่บรรลุ เราจะเลื่อนออกไปอีก 6 เดือน”
ไม่พร้อมทำตามมติอาเซียน
เมื่อปลายเดือน เม.ย. มินอ่องหล่ายเข้าร่วมหารือกับผู้นำจากอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยที่ประชุมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เมียนมายุติการใช้ความรุนแรงทันทีและให้เมียนมาเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ทูตพิเศษเดินทางเข้าไปในเมียนมา แต่มินอ่องหล่ายให้สัมภาษณ์กับ Talk With World Leaders ว่า เมียนมายังไม่พร้อมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว
โรฮีนจา
เมื่อฟู่เสี่ยวเถียน ผู้ดำเนินรายการถามถึงการรับชาวโรฮีนจาที่ลี้ภัยไปอยู่บังกลาเทศเมื่อปี 2017 กลับรัฐยะไข่ มินอ่องหล่ายตอบว่า “หากมันไม่สอดคล้องกฎหมายเมียนมาก็ไม่มีอะไรต้องพิจารณาอีก ผมไม่คิดว่าจะมีประเทศไหนในโลกที่จะทำเกินกว่าที่กฎหมายผู้ลี้ภัยของตัวเองให้อำนาจเพื่อรับผู้ลี้ภัย”
และเมื่อถูกถามต่อว่า นั่นหมายความว่าข้อเรียกร้องของนานาชาติในนามของชาวโรฮีนจาไม่เป็นผลเลยใช่หรือไม่ มินอ่องหล่ายพยักหน้าเป็นคำตอบ
มินอ่องหล่ายยังกล่าวอีกว่า คำว่าโรฮีนจาเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากเมียนมาได้รับอิสรภาพจากอังกฤษในปี 1948 การสำรวจสำมะโนประชากรมีการบันทึกคำว่า เบงกาลี ปากีสถาน และจิตตะกอง แต่ไม่มีการบันทึกคำว่า “โรฮีนจา” ดังนั้นเราจึงไม่เคยยอมรับคำนี้
REUTERS/Stringer/File Photo