ใกล้เข้ามาแล้ว! 'แลมบ์ดา' โผล่ฟิลิปปินส์ครั้งแรก
ฟิลิปปินส์พบโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดารายแรกของประเทศหลังระบาดในแถบอเมริกาใต้
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดารายแรกของประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคของรัฐบาลอย่างเข้มงวด
โดยผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวเป็นหญิงวัย 35 ปี ซึ่งมีประวัติติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการโดยได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้ว่าหายดีแล้วหลังจากที่กักตัวเป็นเวลา 10 วัน
รายงานไม่ได้เผยประวัติการเดินทางและไม่ได้ระบุว่าผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปยังต่างประเทศหรือไม่ แต่เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังติดตามผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อคนดังกล่าว
ขณะที่ฟิลิปปินส์รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 14,749 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 270 ราย ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดอยู่ที่กว่า 1.74 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิต 30,340 ราย
แลมบ์ดารุนแรงแค่ไหน?
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุให้โควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์แลมบ์ดาซึ่งพบครั้งแรกในเปรูเมื่อปลายปีก่อน จัดเป็นสายพันธุ์ที่น่าจับตามอง (variant of interest) หลังผลการศึกษาพบว่าเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าวอาจสามารถต้านภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และมีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในอู่ฮั่น
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า การกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนาม (spike protein) ของสายพันธุ์แลมบ์ดาที่ตำแหน่ง RSYLTPGD246-253N, 260 L452Q และ F490S ช่วยให้ไวรัสสายพันธุ์นี้ต้านทานภูมิคุ้มกันที่สร้างจากวัคซีน และการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง T76I และ L452Q ช่วยให้แลมบ์ดาติดต่อได้ง่ายขึ้น
โดยก่อนหน้านี้สายพันธุ์แลมบ์ดาพบการแพร่ระบาดในแถบอเมริกาใต้ แต่การพบล่าสุดในฟิลิปปินส์ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลกเหมือนกับสายพันธุ์เดลตาหรือไม่ โดยขณะนี้แลมบ์ดาแพร่ระบาดไปแล้วราว 30 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกยังไม่จัดให้แลมบ์ดาเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern) เช่นเดียวกับเดลตา และข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสายพันธุ์แลมบ์ดาร้ายแรงกว่าสายพันธุ์เดลตาหรือไม่ แต่ เคอิ ซาโตะ นักวิจัยอาวุโสของมหาวิทยาลัยโตเกียวเชื่อว่า “แลมบ์ดาอาจเป็นภัยคุกคามต่อสังคมมนุษย์ได้”
Photo by Ted ALJIBE / AFP