posttoday

เตือนถ้าโลกยังไม่หยุดร้อนกัมมันตรังสีจากปรมาณูในอดีตจะกลับมา

05 ตุลาคม 2564

ยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้น ชั้นดินเยือกแข็งที่ขั้วโลกจะยิ่งละลาย ปลดปล่อยกากนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็นที่อยู่ข้างใต้ซึ่งอันตรายกับมนุษย์สู่ชั้นบรรยากาศ

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Aberystwyth University ในเวลส์เตือนว่า ราว 2 ใน 3 ของชั้นดินเยือกแข็ง หรือ Permafrost ในแถบขั้วโลกเหนืออาจละลายหายไปภายในปี 2100 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยพื้นที่แถบดังกล่าวร้อนขึ้นกว่า 3 เท่าของอัตราเฉลี่ยทั่วโลก

และเมื่อชั้นดินเยือกแข็งเหล่านี้ละลายจากภาวะโลกร้อน กัมมันตรังสีและขยะนิวเคลียร์จากการทดสอบระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามเย็น รวมทั้งเชื้อโรคร้ายในอดีตที่ถูกแช่แข็งอยู่ข้างใต้ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์จะถูกปลดปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศและสภาพแวดล้อม

นักวิทยาศาสตร์เน้นที่อาวุธนิวเคลียร์ 130 ชิ้นที่ทดสอบในชั้นบรรยากาศโดยสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1995-1990 ซึ่งทิ้งสารกัมมันตรังสีไว้ในระดับสูง

นอกจากขยะนิวเคลียร์ ยังมีจุลินทรีย์อีกนับไม่ถ้วนที่ถูกแช่แข็งอยู่ใต้ชั้นดินเยือกแข็ง และเมื่อชั้นดินเยือกแข็งละลายก็มีโอกาสที่แบคทีเรียเหล่านี้จะออกมาปะปนกับหิมะหรือน้ำแข็งที่ละลาย ก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ดื้อยา

ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature Climate Change ระบุว่า พบจุลินทรีย์ที่ถูกแช่แข็งอยู่ในชั้นดินเยือกแข็งกว่า 100 ชนิดที่ดื้อยา

หากขยะนิวเคลียร์ถูกปลดปล่อยออกมาอาจเป็นอันตรายกับมนุษย์และสัตว์ เช่นเดียวกับไวรัสและแบคทีเรียโบราณอาจเป็นภัยคุกคามสังคม

ข้อมูลของ Observer Research Foundation ระบุว่า เมื่อปี 2016 การละลายของชั้นดินเยือกแข็งในไซบีเรียทำให้ซากกวางเรนเดียร์ที่ติดเชื้อแอนแทร็กซ์อายุกว่า 70 ปี โผล่ขึ้นมา ส่งผลให้เชื้อไปติดเด็กชายในหมูบ้านเสียชีวิต 1 ราย และเจ็บป่วยอีกหลายราย

ทั้งนี้ ชั้นดินเยือกแข็งครอบคลุมพื้นที่ราว 9 ล้านตารางไมล์ของแถบอาร์กติก โดยส่วนใหญ่มีอายุราว 1 ล้านปี และยิ่งอยู่ลึกลงไปก็ยิ่งมีอายุมากขึ้นเท่านั้น

อาร์วิน เอ็ดเวิร์ดส์ หนึ่งในทีมวิจัยเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและนิเวศวิทยาของอาร์กติกจะส่งผลต่อทุกส่วนของโลกเนื่องจากจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับสู่ชั้นบรรยากาศและทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 

เอกสารแถลงข่าวของทีมวิจัยระบุว่า แม้ว่ารัฐบาลรัสเซียจะมีโครงการทำความสะอาดกัมมันตรังสีและขยะนิวเคลียร์ดังกล่าว แต่การตรวจสอบในแถบอาร์กติกพบซีเซียมและพลูโตเนียมในระดับสูงระหว่างตะกอนดินใต้ทะเล พืชผัก และแผ่นน้ำแข็ง

นอกจากรัสเซีย สหรัฐก็มีส่วนก่อให้เกิดขยะนิวเคลียร์ในชั้นดินเยือกแข็งจากการตั้งศูนย์วิจัยพลังงานนิวเคลียร์ Camp Century ในกรีนแลนด์ซึ่งปลดประจำการในปี 1967

AFP PHOTO / Greg BAKER