คำเตือนจากอังกฤษ เงินดิจิทัลบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน
ขณะที่หลายประเทศเตรียมออกสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC)
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ฝ่ายนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรเตือนว่าเงิน "ปอนด์ดิจิทัล" อาจส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางการเงิน เพิ่มต้นทุนของสินเชื่อ และกระทบต่อความเป็นส่วนตัว
หลังจากที่ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรกล่าวเมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้วว่าจะจัดให้มีการปรึกษาหารือในปีนี้เกี่ยวกับทิศทางของสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) หรือปอนด์ดิจิทัล ซึ่งอาจเปิดตัวหลังปี 2025
รายงานระบุว่าขณะนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งดำเนินการเกี่ยวกับ CBDC เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาคเอกชนครองอำนาจในการชำระเงินทางดิจิทัล หลังจากที่คริปโตเคอร์เรนซีกลายเป็นที่นิยมในกระแสหลักมากขึ้น และการใช้เงินสดลดลง
ทว่า ฝ่ายนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรให้ความเห็นว่าปอนด์ดิจิทัลอาจทำให้ผู้คนย้ายเงินสดจากธนาคารพาณิชย์ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเงินในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ และเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืม นอกจากนี้อาจเป็นอันตรายต่อความเป็นส่วนตัว
ในวันเดียวกันมีรายงานว่าธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการทดสอบการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่การออกสกุลเงินดิจิทัลของประเทศ
ก่อนหน้านี้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าในอีกไม่นานจะมีการเปิดตัว "ดอลลาร์ดิจิทัล" สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) แต่ยืนยันว่าจะยังคงมีพื้นที่สำหรับเหรียญที่ออกโดยเอกชนให้สามารถแข่งขันควบคู่ไปกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางได้
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า CBDC มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยจะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการเงินและทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร เพิ่มความยืดหยุ่นในภาคธุรกิจ และถ่วงอำนาจสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ของเอกชนซึ่งควบคุมได้ยากและเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน
อย่างไรก็ตามข้อเสียของ CBDC คืออาจทำให้ประชาชนพากันย้ายเงินจากธนาคารพาณิชย์ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงมากเมื่อเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และเป็นการเพิ่มภาระแก่ธนาคารกลางที่ต้องแบกรับความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการออก CBDC นอกจากนี้หากเกิดข้อผิดพลาดทางไซเบอร์ก็จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางเองด้วย
REUTERS/Dado Ruvic/Illustration//File Photo