posttoday

ครั้งแรกในรอบ 13 ปี เงินวอนอ่อนค่าแตะ 1,300 วอน/ดอลลาร์

23 มิถุนายน 2565

เงินวอนอ่อนค่าหนักท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่าหนัก ร่วงลงต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1,300 วอนต่อเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

รายงานระบุว่าเงินวอนอ่อนค่าลงมากถึง 0.42% ในการซื้อขายวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 2009 ทะลุระดับ 1,300 วอนต่อเหรียญสหรัฐ อันเป็นสัญญาณความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

เนื่องจากในปี 2009 ที่เงินวอนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1,300 วอนต่อเหรียญสหรัฐนั้นเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก และก่อนหน้านั้นเงินวอนเคยร่วงสู่ระดับนี้เมื่อช่วงปี 1997-1998 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินในเอเชีย

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมองว่าการอ่อนค่าของเงินวอนครั้งนี้มีความแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานมีความเปลี่ยนแปลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพล นอกเหนือจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ เงินวอนอ่อนค่าลงมากกว่า 8% ในปีนี้ หลังจากที่ร่วงลง 8.6% ในปีที่ผ่านมา โดยในปีที่แล้ว National Pension Service ของเกาหลีใต้ได้เพิ่มการถือครองหุ้นและพันธบัตรในต่างประเทศ 82.9 ล้านล้านวอน (ประมาณ 6.385 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 35 ตามแผนระยะยาวในการกระตุ้นการลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างผลกำไรและความยั่งยืนของกองทุน

ขณะที่นักลงทุนรายย่อยสนใจการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น โดยในปี 2020 มีการซื้อหุ้นมูลค่าสุทธิ 21,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 19,700 ในปี 2019 และตัวเลขในช่วงครึ่งเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 12,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะเดียวกันในตลาดหุ้นต่างประเทศชาวต่างชาติขายหุ้นสิทธิได้ 15.9 ล้านล้านวอน (1.225 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) จนถึงปีนี้ หลังจากการขายออกทั้งหมด 50 ล้านล้านวอน (3.851 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

รายงานยังระบุว่า เกาหลีใต้มียอดขาดดุลการค้าสะสม 7,830 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่เดือนม.ค. จนถึงเดือนพ.ค. ปีนี้ และหากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียจะบันทึกการขาดดุลประจำปีครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008

Photo by REUTERS/Thomas White/Illustration/File Photo