posttoday

ปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนของชาวต่างชาติ

20 เมษายน 2562

แนะปัจจัยสำคัญมีผลต่อการลงทุนของต่างชาติ กล้าเสี่ยงชิงส่วนแบ่งตลาด ไม่หวั่นไหวสถานการณ์การเมือง อาศัยจังหวะรัฐบาลใหม่โหมนโยบายส่งเสริมการลงทุน

คอลัมน์ "ขุมทรัพย์ชายแดนไทย"

แนะปัจจัยสำคัญมีผลต่อการลงทุนของต่างชาติ กล้าเสี่ยงชิงส่วนแบ่งตลาด ไม่หวั่นไหวสถานการณ์การเมือง อาศัยจังหวะรัฐบาลใหม่โหมนโยบายส่งเสริมการลงทุน

โดย กริช กริช อึ้งวิทูรสถิตย์ 

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้สาธยายถึงเหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติกล้าที่จะไปลงทุนยังต่างประเทศที่มีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่สงบ หรือจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ ในประเทศที่เขาตัดสินใจที่จะไปลงทุน คิดว่าแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่เขาคงจะทำการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นมาก่อนแล้วอย่างแน่นอน

เหตุที่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น เพราะผมคิดว่านักลงทุนเหล่านั้น ถ้ากล้าที่จะออกไปนอกราชอาณาจักร หรือออกนอกพื้นที่ ย่อมไม่ใช่ผู้ประกอบการที่ไม่มีอะไรอย่างแน่นอน เขาต้องเป็นประเภท “ตะเกียงที่ไม่ไร้น้ำมัน”แน่ๆครับ ดังนั้นเรามาลองอ่านใจเขาดูนะครับว่าเขาคิดอย่างไร เพื่อว่าอนาคตเรามีโอกาส จะได้เดินตามรอยเขาดูบ้าง เรียกว่า “อยากรวยอย่างเขาบ้าง”

ที่ผมวิเคราะห์ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาว่าหากเขามองด้านความเสี่ยงทางธุรกิจหรือมองด้านโอกาสในการทำการค้า เขาจะคิดอย่างไร วันนี้เรามามองว่าหากเขาเอาเรื่องของการที่คู่แข่งทางการค้ามาเป็นตัวตั้งละก็ ต้องบอกว่าการเข้าไปสู่ตลาดก่อน ย่อมได้เปรียบคนมาทีหลังอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เปรียบเสมือนนักมวยที่อยู่บนเวทีนั่นแหละครับ ใครออกหมัดก่อน ย่อมได้เปรียบคนที่ออกหมัดทีหลังแน่ แต่สำคัญตรงที่ว่าหมัดต้องหนัก หมัดต้องโดนนะครับ ถ้าต่อยก่อนแล้วมัวแต่แย็บๆหรือเต้นแร้งเต้นกา ก็มีหวังถูกน็อคเอาง่ายๆเช่นกัน

การทำธุรกิจหรือการลงทุนในต่างประเทศก็เช่นกัน แม้นว่าเราจะเข้าไปสู่ตลาดก่อน แต่ใจไม่ถึง ไม่กล้าที่จะเก็บส่วนแบ่งการตลาด (Market Share)ก่อน หรือจะลงทุนแล้วยังกล้าๆกลัวๆอยู่ ก็ไม่สามารถชนะได้ครับ ผมเห็นมามากแล้วครับ ใจหนึ่งก็อยากได้ ใจหนึ่งก็กลัวเจ็บ อย่างนี้ไปไม่ไกลแน่ๆครับ ถ้าจะลงน้ำแล้วยังกลัวเปียกอีกก็ไม่ต้องลงจะดีกว่าครับ

เมื่อเรากล้าที่จะไปลงทุนหรือทำการค้า ต้องใจกล้าๆหน่อย ลงให้ถึงที่สุด เมื่อได้ส่วนแบ่งการตลาด ( Market Share)แล้ว ก็ต้องรักษาใว้ให้ดีครับ ต้องมั่นดูแลตลาดให้ดี อย่าปล่อยให้คู่แข่งเขาเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ แม้เราจะไม่สามารถห้ามคนอื่นเข้าไปทำการค้าการลงทุนได้ แต่หากเราใส่ใจรักษาส่วนแบ่งการตลาดใว้ ผมว่าเราจะได้หากินได้อีกยาวครับ ที่ผมเห็นมาหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ครองตลาดได้ไม่นาน ก็ถูกคู่แข่งแย่งตลาดไป ส่วนมากมักจะเป็นเพราะเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนั่นแหละครับ เปรียบเสมือนการเป็นนักมวยแชมเปี้ยนโลก การชกเพื่อได้แชมป์นั้นยากแสนยาก แต่ที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์นี่แหละครับ

ดังนั้นที่เขากล้าเข้าไปในสภาวะที่คนอื่นไม่ได้เข้าหรือไม่กล้าเข้า อาจจะเป็นเพราะว่าเขามองว่าคู่แข่งน้อย การทำการตลาดย่อมง่ายกว่าคู่แข่งเข้ามาเต็มไปหมดก็เป็นได้ครับ อีกอย่าง ถ้าหากเป็นนักการค้าการลงทุนเขาจะมองด้านความเสี่ยงของสถานะการณ์ทางการเมือและ ถ้าเป็นผมอ่านใจเขานะครับ ผมเชื่อว่าเขาอาจจะมองว่านั่น คือ ความผันผวนระยะสั้นมากกว่า เพราะรัฐบาลไหนๆ ทั่วไปก็มักจะอยู่ไม่เกินสองสามสมัยหรอกครับ พอความนิยมเสื่อมลง ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ต้องสงสัย เรียกว่า “ใหม่ๆหน้าตาจุ๋มจิ๋ม เก่าๆก็เป็นสนิม” นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาจะไม่ค่อยกลัวสักเท่าไหร่

อีกอย่างหนึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มักจะต้องใช้เงินมากในการลงนโยบายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง ยิ่งนโยบายประชานิยมก็จะต้องยิ่งใช้เงินมาก ดังนั้นเงินจะมาจากไหนละครับ ถ้าไม่ใช่เงินจากภาษีของประชาชนหรือเงินจากภาษีของผู้ประกอบการ ดังนั้นนโยบายส่งเสริมการลงทุนจึงได้เกิดขึ้น และทุ่มอัดโปรโมชั่นกันขนานใหญ่ เพื่อให้มีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามา เห็นมั้ยละครับ ถ้าเขาเข้ามาตอนที่มีโปรโมชั่นหนักๆ จะทำให้ผลประโยชน์ที่จะได้รับก็ย่อมมากตามไปด้วย เราจะได้ยินเรื่องราวเหล่านี้กันบ่อยๆอย่างหนาหูเลยใช่มั้ยครับ

อีกปัจจัยหนึ่งที่เขาอาจจะเอามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจคือ ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศที่จะไปลงทุน ถ้าไม่ใช่สงครามกลางเมือง หรือสงครามล้างเผ่าพันธ์จริงๆ แค่เดินขบวนประท้วง หรือการสู้รบตามชายแดนเล็กๆน้อยๆ ไม่ถึงกับเป็นสงครามหนักๆ ผมคิดว่าเขาไม่กลัวหรอกครับที่จะลงทุน ตัวอย่างเช่น ที่ซินเจียงของจีน หรือที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย การสู้รบที่รัฐฉานรัฐยะไข่ของเมียนมา ในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ที่กรุงเทพฯ หรือที่ย่างกุ้ง ก็ไม่เห็นเขาตื่นตระหนกจนถอนการลงทุนออกไปเลย มีแต่จะมองดูด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ

สรุปว่า นักการค้าการลงทุน เขาจะพิจารณาในการลงทุนอย่างเป็นจริงเป็นจัง และมีการทำการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น ( Feasibility study) ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเขาไม่มั่นใจเขาต้องไม่ทำหรอกครับ เราตัวเล็กๆก็จงขอเป็นเห็บฉลามขอว่ายตามฉลามไป กินสิ่งที่เขาคายออกมาให้เราบ้างก็ยังดีครับ ขออนุญาตตะโกนบอกนักลงทุนตัวเป้งๆว่า “ขอเกาะชายผ้าเหลืองด้วยนะคร๊าบบบ”