AI หนุนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้านพลังงานยังเป็นข้อกังวล

AI หนุนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้านพลังงานยังเป็นข้อกังวล

15 มีนาคม 2568

ผลสำรวจเผย 76% ของธุรกิจมอง AI และคลาวด์ช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน แต่ 61% กังวลเรื่องการใช้พลังงานสูง ตลาดเอเชียยังคงเป็นผู้นำด้านนี้

KEY

POINTS

  • องค์กรมากกว่าหนึ่งในสองยอมรับว่ามีช่องว่างของความเข้าใจว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างไ

อาลีบาบา คลาวด์  เผยรายงาน “แนวโน้มและดัชนีความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีประจำปี 2024” (Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024) พบว่าธุรกิจมากกว่าสามในสี่ (76%) ในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลางตระหนักว่าเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงกังวลว่าการที่เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้พลังงานมากจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้อย่างแพร่หลาย 

การให้ความสำคัญกับการนำศักยภาพของ AI คลาวด์คอมพิวติ้ง และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคต่าง ๆ นั้นแตกต่างกัน ผลสำรวจพบว่า ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียเป็นผู้นำในเรื่องนี้ (83%) ตามติดด้วยตลาดตะวันออกกลาง (78%) ยุโรป (74%) และตลาดที่พัฒนาแล้วในเอเชีย (72%) หากลงรายละเอียดระดับประเทศ ตลาดที่ให้ความสนใจและให้ความสำคัญด้านนี้มากที่สุดคือฟิลิปปินส์ (91%) สิงคโปร์ (84%) อินโดนีเซีย (81%) และไทย (81%) 
 

นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสำรวจโดยเฉลี่ย 80% ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนไว้แล้ว โดยประเทศไทยสูงกว่าผลเฉลี่ยเล็กน้อยอยู่ที่ 82%

AI หนุนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้านพลังงานยังเป็นข้อกังวล

ความแตกต่างในการใช้ AI และความพยายามด้านความยั่งยืนของแต่ละภูมิภาค

แม้การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะเป็นไปในเชิงบวก แต่ธุรกิจ 59% ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างไร โดยตลาดเอเชียมีช่องว่างด้านนี้มากที่สุดที่ 63% ตามด้วยยุโรป 61% และตะวันออกกลาง 45% ในเอเชียประเทศไทยอยู่ในลำดับที่สาม (70%) รองจากสิงคโปร์ (83%) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (75%) 

นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณสองในสาม (62%) เชื่อว่าองค์กรของตนยังล้าหลังในการนำคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI มาปรับใช้เพื่อเร่งให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้เร็วขึ้น ข้อกังวลนี้มีเปอร์เซ็นที่สูงในประเทศสิงคโปร์ (80%) ฟิลิปปินส์ (77%) ญี่ปุ่น (75%) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (75%) ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต่างต้องเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาความยั่งยืน

โดยภาพรวม ธุรกิจ 82% เห็นตรงกันว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เป็นสิ่งสำคัญต่อบริษัทของตน โดยสิงคโปร์ (93%) ฟิลิปปินส์ (91%) และอินโดนีเซีย (89%) เป็นสามประเทศที่มีสัดส่วนสูง คุณประโยชน์หลากหลายของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความยั่งยืนที่องค์กรที่ตอบแบบสำรวจตระหนักมากที่สุด เช่น ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ดีขึ้น สำหรับประเทศไทย ผู้ตอบแบบสอบถาม 80% เห็นด้วยกับเรื่องนี้ 
 

52% ของธุรกิจในตะวันออกกลางมองว่า AI และ ML (แมชชีนเลิร์นนิ่ง) เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาความยั่งยืนขององค์กร ในขณะที่ยุโรปให้ความสำคัญเรื่องนี้รองลงมาที่ 41% ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย 40% และตลาดที่พัฒนาแล้วในเอเชีย 36% ผู้ตอบแบบสำรวจในไทยระบุว่าทั้ง AI/ML และคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญที่สุด (34%) ในขณะเดียวกัน 81% ของธุรกิจที่ตอบแบบสำรวจรู้สึกว่ายังจำเป็นต้องใช้คนควบคุมและชี้แนะการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือด้าน AI ต่าง ๆ โดยตลาดตะวันออกกลาง (91%) มีแนวคิดด้านนี้สูงสุด ตามด้วยตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (83%) ยุโรป (82%) และตลาดพัฒนาแล้วในเอเชีย (74%)

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจ 61% กังวลว่าการที่เทคโนโลยีดิจิทัลใช้พลังงานปริมาณมากจะเป็นอุปสรรคต่อการนำ AI ไปใช้ในวงกว้าง โดยสิงคโปร์มีความกังวลสูงสุดที่ 85% ฟิลิปปินส์ 77% เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 75% และไทย 65% นอกจากนี้ธุรกิจ 71% ยังเชื่อว่าการใช้พลังงานปริมาณมากของเทคโนโลยีดิจิทัลเช่น AI จะไม่คุ้มกับประโยชน์ที่จะได้รับ โดย 3 ตลาดที่กังวลเรื่องนี้สูงสุดคือสิงคโปร์ 86% ฟิลิปปินส์ 84% และมาเลเซีย 81%

รายงานฉบับนี้ยังเน้นให้เห็นความสำคัญของการเลือกผู้ให้บริการทางเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ในมุมของการเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่ "เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" ธุรกิจประมาณครึ่งหนึ่งให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการคลาวด์ที่ใช้พลังงานทดแทน (51%) ตามด้วยผู้ให้บริการที่คงไว้ซึ่งการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงาน (46%) และใช้แนวทางหรือมีโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (42%) ผู้ตอบแบบสำรวจในไทยให้ความสำคัญกับการเลือกผู้ให้บริการคลาวด์แตกต่างเล็กน้อย โดยจัดให้ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ประหยัดพลังงานอยู่ในลำดับสูงสุด (51%) ตามด้วยผู้ให้บริการที่มีความมุ่งมั่นในอนาคตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมหรือมีความยั่งยืน (41%) และผู้ให้บริการที่ใช้พลังงานทดแทนในการดำเนินงานดาต้าเซ็นเตอร์ (38%)

ความมุ่งมั่นต่อ AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมโอเพ่นซอร์ส


เซลิน่า หยวน ประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า "การตอบแบบสำรวจของผู้มีอำนาจตัดสินใจจาก 13 ตลาด ทำให้รายงานการสำรวจนี้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับทัศนคติ และความท้าทายในการใช้ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อความยั่งยืนที่ธุรกิจเผชิญในปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นสนับสนุนการเดินบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของธุรกิจต่าง ๆ ด้วยโซลูชันที่ปรับขนาดการทำงานได้และยั่งยืน AI จะกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เหมาะสม ด้วยคำมั่นของเราที่จะใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2573 และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกของเรา รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถให้กับ Generative AI เช่น ประสิทธิภาพของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)”
 
การดำเนินงานด้านคลาวด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาลีบาบา คลาวด์ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ข้อมูล ณ วันสิ้นสุดปีงบประมาณของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 เผยให้เห็นว่าการใช้พลังงานเฉลี่ย (PUE) ของดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริษัทฯ สร้างเองมีประสิทธิภาพดีขึ้นเป็น 1.200 จาก 1.215 ในปีงบประมาณก่อนหน้า โดย 56% ของการใช้ไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานสะอาด นอกจากนี้โครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาลีบาบา ยังช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 9.884 ล้านตัน ซึ่งลดได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ อาลีบาบา คลาวด์ ยังเป็นผู้นำในการช่วยให้การใช้ AI แพร่หลายมากขึ้น ผ่านการเปิดโอเพ่นซอร์สให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงเทคโนโลยี AI ขั้นสูงได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI เฉพาะงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าใช้จ่าย ด้วยการเปิดโอเพ่นซอร์สโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ล้ำสมัยของบริษัทฯ ในตระกูล Qwen ซึ่งรวมถึง Qwen2.5-VL และ Qwen2.5-1M และ Tongyi Wanxiang (Wan) ซึ่งเป็นโมเดลพื้นฐานด้านวิดีโอของ บริษัทฯ โมเดลโอเพ่นซอร์สเหล่านี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างโมเดลอนุพันธ์มากกว่า 100,000 โมเดล บน Hugging Face ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของโมเดลเหล่านี้ และการนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก อาลีบาบา คลาวด์ สนับสนุนโมเดลที่มีขนาดพารามิเตอร์เล็กลง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและลดการใช้พลังงานในการฝึกอบรมและปรับใช้ AI เป็นการส่งเสริมระบบนิเวศการทำงานร่วมกันที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ประหยัดพลังงาน
 
รายงาน "Tech-Driven Sustainability Trends and Index 2024" ทำการสำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจ 1,300 รายใน 13 ตลาด มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับภูมิทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร รายงานการสำรวจเน้นย้ำไปที่บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สร้างผลกระทบสำคัญ และเน้นให้เห็นความจำเป็นที่ธุรกิจควรใช้ AI และคลาวด์คอมพิวติ้งอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อขจัดความกังวลด้านการใช้พลังงานและลดช่องว่างของการทำงานด้านความยั่งยืน
 

Thailand Web Stat