ChatGPT ยกระดับฟีเจอร์ "ความจำ" สู่ AI ที่เข้าใจผู้ใช้ตลอดชีวิต
ChatGPT พัฒนาไปอีกขั้น! ต่อยอดฟีเจอร์ "Memory" อัปเกรดสู่หน่วยความจำระยะยาว จดจำทุกบทสนทนาที่เคยคุยได้อัตโนมัติ เอื้อ AI เรียนรู้และเข้าใจผู้ใช้ได้ตลอดชีวิต
ChatGPT กำลังก้าวไปอีกขั้นของความอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาความสามารถในการจดจำบทสนทนาในอดีตที่ผู้ใช้เคยพูดคุย โดยไม่ต้องมีการสั่งบันทึกข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม
แซม อัลต์แมนน์ ซีอีโอของ OpenAI ได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า
ขณะนี้ ChatGPT สามารถอ้างอิงบทสนทนาในอดีตทั้งหมดของผู้ใช้ได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท
ในการสร้าง "ระบบ AI ที่จะเรียนรู้และเข้าใจผู้ใช้ไปตลอดชีวิต"
ความสามารถใหม่นี้เป็นการต่อยอดจากฟีเจอร์ "Memory" ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถเก็บข้อมูลบางอย่าง เช่น
คำถาม คำสั่ง และการตั้งค่าส่วนตัว เพื่อนำมาใช้ในการตอบสนองในครั้งต่อๆ ไป แต่ด้วยการอัปเกรดหน่วยความจำระยะยาวนี้ ChatGPT จะสามารถจดจำข้อมูลได้สองรูปแบบหลักๆ คือ
- Saved Memories: ข้อมูลที่ผู้ใช้เลือกที่จะบันทึกไว้ด้วยตนเอง
- Reference Chat History: ข้อมูลเชิงลึกที่ ChatGPT รวบรวมจากบทสนทนาเก่าๆ เพื่อปรับปรุงการตอบสนองในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น
ตามคำอธิบายของ OpenAI หมายถึงการที่ AI สามารถเรียนรู้จากบริบทและรายละเอียดในการสนทนาก่อนหน้าได้โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม การอัปเดตนี้ ยังไม่พร้อมใช้งานในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์
ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากกฎระเบียบด้าน AI ที่เข้มงวดในภูมิภาคเหล่านี้ และอัลต์แมนน์เองก็เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้ในอดีต
ในปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ที่ สมัครสมาชิก ChatGPT Pro ราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้สมัครสมาชิก ChatGPT Plus ในเร็วๆ นี้
ส่วนผู้ใช้งาน Team, Enterprise และ Edu จะได้รับสิทธิ์fดังกล่าวในอีกไม่กี่สัปดาห์ แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้งานฟรี
สำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว OpenAI ได้เน้นย้ำว่าฟีเจอร์ Memory เป็นสิ่งที่ สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้
ผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการให้ ChatGPT บันทึกบทสนทนา สามารถปิด "saved memories" ได้ในการตั้งค่าส่วนตัว หรือเลือกใช้ฟังก์ชัน "temporary chat" สำหรับการสนทนาที่ไม่ต้องการให้มีผลต่อหน่วยความจำ
การอัปเกรดความจำของ ChatGPT ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้อัปเดต Gemini AI ในลักษณะเดียวกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งช่วยให้ Gemini สามารถจดจำบทสนทนาเก่าๆ เพื่อให้การตอบสนองมีความเป็นส่วนตัวและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น