'คุณแม่จู้' ภูเก็ต ต่อยอดธุรกิจอาหารส่งออก
ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากเชื้อสาย ทำให้ภูเก็ตร่ำรวยทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอาหาร
โดย...อชัถยา ชื่นนิรันดร์
ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากเชื้อสาย ทำให้ภูเก็ตร่ำรวยทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอาหาร ดังนั้นธุรกิจอาหาร ขนม ของฝากจากภูเก็ต จึงมีอยู่มากมายหลายเจ้า แต่ที่เป็นต้นตำรับเจ้าแรกคงได้แก่ร้านคุณแม่จู้ ซึ่งเปิดร้านมาตั้งแต่ปี 2482 โดย คุณแม่หงวดจู้ สันติกุล เป็นผู้ริเริ่มทำแกงไตปลา น้ำพริกกุ้งเสียบ ขายเป็นของฝากจนเป็นที่รู้จักมากว่า 70 ปี
จากร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเล็กๆ ขยายมาเป็นร้านค้ากว้างขวางด้วยมาตรฐานความอร่อยเป็นที่ยอมรับทั่วไป จนได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับ 5 ดาว มีสินค้ากว่า 1,000 รายการ ให้เลือกซื้อ
วันนี้ ทายาทรุ่นลูก รุ่นหลานของคุณแม่จู้ ได้ร่วมกันพัฒนาสินค้ามากมาย ภายใต้ชื่อ “คุณแม่จู้” และใช่เพียงการขายจำหน่ายนักท่องเที่ยวที่ร้านทั้ง 2 สาขาเท่านั้น แต่ธุรกิจอาหารแบรนด์คุณแม่จู้ ยังขยายเป็นธุรกิจค้าส่งไปจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ เช่น กระบี่ หาดใหญ่ สงขลา พัทยา สมุย สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ รวมทั้งห้างค้าส่งยักษ์ใหญ่อีก 2 บริษัท
วันฤดี รังสินธุรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คุณแม่จู้ กล่าวว่า ร้านคุณแม่จู้มี 2 สาขา ที่หมู่บ้านสะปำ และ อ.ถลาง ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 30 ไร่ โดยยึดมั่นสิ่งที่คุณแม่จู้เน้นย้ำมาเสมอ นั่นคือ “ทำอาหารขอให้ยึดตามสูตรของเรา คัดสรรให้ดีที่สุด คิดว่าทำอาหารให้ลูก ดังนั้นสินค้าต้องดี มีคุณภาพ มีคุณค่าอาหาร” ซึ่งเป็นหลักยึดมั่นของธุรกิจคุณแม่จู้ตลอดมา
“เราให้ความสำคัญกับการตั้งราคา นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย แม้สัดส่วนลูกค้าจะเป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50 : 50 แต่เราขายราคาเป็นธรรมเท่ากัน ศักยภาพของโรงงานกำลังการผลิตเต็มที่ได้รับ ISO 9000 และกำลังยื่นขอ ISO 14000 เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ เป็นสินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมทั้งได้ขยายโรงงานใหม่รองรับการผลิตที่เติบโต มากขึ้น 3-4 เท่าจากเดิม”
นอกจากนี้ ยังมีขายใน ต่างประเทศรวม 10 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน พม่า ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐ ฝรั่งเศส ฯลฯ เป็นต้น การทำตลาดแตกต่างกันไป เทียบ สัดส่วนสินค้าในประเทศเติบโตขึ้น 30-40% ช่องทางการตลาดยังมีเยอะมาก
การขยายธุรกิจในภาวะที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น วันฤดี บอกว่า การแข่งขันธุรกิจประเภทของฝากของที่ระลึก สินค้าพื้นเมืองใน จ.ภูเก็ต อยู่ในระดับปานกลางไม่รุนแรงมาก แต่ละเจ้าต่าง ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้ ไม่กระทบกัน แต่ห่วงกลุ่มต่างประเทศ จีน เกาหลี รัสเซีย ที่เข้ามาเปิดร้านขายสินค้าพื้นเมืองขนาดใหญ่แข่งขันกับคนท้องถิ่น เป็นสิ่งน่ากลัว เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้จะดึงทัวร์ต่างๆ ลงซื้อสินค้า และไม่เปิดให้คนไทยเข้า
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต วันฤดี บอกว่า ตั้งเป้าเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะอาหาร รูปแบบของทานเล่น หรือสแน็ก ได้ปรึกษากับทีมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำการศึกษา ให้มั่นใจก่อนจะทำออกสู่ตลาด คาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ได้เห็นผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ของทางร้านอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาก็ได้ปรับปรุงสินค้าเพิ่มคุณค่า มาแล้วในหลายรูปแบบ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบเม็ดมะม่วง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
คุณภาพที่สร้างความ เชื่อมั่น บวกประสบการณ์กว่า 70 ปี ธุรกิจคุณแม่จู้กำลังพัฒนาไปอีกขั้น