posttoday

ลองขับ BMW 520i

06 มิถุนายน 2555

เบนซิน 4 สูบ พลังเหลือเฟือ

พิสูจน์เครื่องยนต์จากค่ายกังหันสีฟ้า ว่าเครื่องยนต์ 4 สูบ พ่วงด้วยเทอร์โบ ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 ใหม่นั้นจะดีเลิศขนาดใหน

โดย นิธิ ท้วมประถม

ถือเป็นการบุกตลาดที่น่ากลัวเหลือเกินสำหรับค่ายรถยนต์จากแดนอินทรีเหล็ก อย่างบีเอ็มดับเบิลยู ที่ตัดสินใจเปิดตัวเครื่องยนต์สำหรับ เบนซิน และดีเซล รุ่นใหม่ ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เพราะนั่นทำให่้ บีเอ็มฯ ซีรี่ส์ 5 กลายเป็นรถยนต์ระดับหรูขนาดกลางที่น่าสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดรถยนต์ระดับหรูทีเดียว

ลองขับ BMW 520i บีเอ็มฯ 520i

โดยบีเอ็มฯ ซีรี่ส์ 5 ในเครื่องยนต์ใหม่นี้ จะมีทั้งหมด 7 รุ่น ประกอบด้วย 520i ,528i ,528i Sport ,520i Touring Sport ,520d ,520d touring Sport และ 525d

ทั้งนี้เพราะเครื่องยนต์ที่ บีเอ็มฯ ประเทศไทย นำมาใส่ใน ซีรี่ส์ 5 ที่ผมบอไปขั้นต้นนั้นถือว่าเป็นเครื่องยนต์ระดับ "เทพ" เลยก็ว่าได้ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่หมด โดยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ 16 วาล์ว แทนที่จะเป็นขนาด 6 สูบ เหมือนแต่ก่อน และใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวเท่านั้นคือ ขนาด 2.0 ลิตร หรือ 2000 ซีซี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ที่รหัสเครื่องยนต์ลงท้ายด้วย i และเครื่องยนต์ดีเซลที่รหัสเครื่องยนต์ลงท้ายด้วย d แต่จะมีความแรงแตกต่างกัน

ซึ่งต่อไปนี้ เครื่องยนต์ของ บีเอ็มฯ จะเป็นไปในทิศทางนี้คือ ใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกันหมดทั้ง ซีรีส์ 5 และ ซีรีส์ 3 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้

ลองขับ BMW 520i

สำหรับเครื่องยนต์ใหม่ของ บีเอ็มฯ ที่นำมาใส่ให้กับ ซีรี่ส์ 5 ใหม่นี้อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นนะครับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาใหม่ และถือว่าทันสมัยที่สุดเครื่องนึงของโลกก็ว่าได้ โดยเป็นเครื่องยนต์ที่มีทั้งกำลังและประหยัดน้ำมันด้วย หรือ Efficient Dynamics ที่เป็นหลักการของบีเอ็มฯ นั่นเอง

ซึ่งเครื่องยนต์ใหม่นี้ จะมาพร้อมกับหัวฉีด high precision injection มาผนวกกับเทคโนโลยีวาล์ว Double-Vanos พร้อม VALVETRONIC และ twin-croll turbo ที่เป็นครั้งแรกที่ บีเอ็มฯ ประเทศไทย เอาเทคโนโลยีเทอร์โบมาขาย

สำหรับการรายงานผลการทดลองขับในสัปดาห์นี้ ผมขอลงรายละเอียดไปในรุ่น 520i ก่อนครับ เพราะเชื่อว่าจะเป็นรุ่นที่เป็น "ตัวขาย" ให้กับบีเอ็มฯ ประเทศไทยอย่างแน่นอน ทั้งจากราคาจำหน่ายที่ตั้งไว้ที่ 3.59 ล้านบาท และเมื่อรวมกับออปชั่น กับคุณภาพของเครื่องยนต์แล้ว  ยอดขายไม่น้อยแน่ๆ

ลองขับ BMW 520i

รูปร่างหน้าตาของบีเอ็มฯ 520i นั้นยังคงเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนหน้าตาไปเหมือนกับ ซีรี่ส์ 3 ที่ดูสปอร์ต และปราดเปรียวเหลือเกิน แม้ว่าหน้าตาจะยังคงเดิมๆ แต่ก็ยังดูมีสง่าราศรีไม่เปลี่ยนแปลงครับ ใครที่ชอบบีเอ็มฯ แล้วผมเชื่อว่าปันใจไปให้รถยี่ห้ออื่นยากแล้ว

เข้ามาภายในกันดีกว่าว่า 520i นี้มีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง และก็ต้อง "ตาโต" เพราะเห็นอะไรแปลกตาไม่น้อย ไม่วาจะเป็นปุ่ม Auto Start/Stop ที่อยู่คอนโซลด้านซ้าย หลังพวงมาลัย ทำให้รู้เลยว่า บีเอ็มฯ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ ความประหยัดมากขึ้นเรื่อยๆ

จอแสดงผลที่กลางคอนโซล ยังคงใหญ่โตสะใจ เหมือนเดิม ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบครับ ดูกระจ่างตาดี ไม่ต้องเพ่งมองเวลาจะดูข้อมูลอะไร พวงมาลัยหนังกระชับมือเหมือนเดิม พร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชั่น ที่ไว้คอยควบคุมเครื่องเสียง และแสดงข้อมูลต่างๆ ที่ในรุ่นนี้ ทันสมัยมากขึ้นกับ BMW Apps ที่จะทำงานโดยรับสัญญาณผ่าน GPRS / 3G ของ iPhone 4 เพื่อดึงข้อมูลของ Application ต่างๆผ่านขึ้นหน้าจอแสดงผล ได้แก่ Facebook, Twitter, Wiki Local, Last Mile, Calender

ลองขับ BMW 520i

นอกจากนี้ การเชื่อมต่อผ่านทางพอร์ต USB จะสามารถดึงข้อมูลของรถยนต์บางส่วนมาแสดงผลอยู่บน iPhone 4 ได้ เช่นระดับน้ำมันที่เหลืออยู่ ณ ปัจจุบัน, ระยะทางที่สามารถที่วิ่งได้ด้วยระดับน้ำมันนี้, ระยะทางที่วิ่งมาแล้วทั้งหมด รวมถึงวันและเวลาล่าสุดที่อัพเดทข้อมูล เป็นยังไงครับแหล่มม่ะ

ลองขับกันเลยครับ ครั้งนี้เป็นการขับทั้งบนถนนจริง และในสนามโบนันซ่า เขาใหญ่ ซึ่งทางทีมงานบีเอ็มฯ วางแทรคไว้ให้ลองในหลายรูปแบบไม่น้อยทีเดียว

ทันทีี่สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการกดปุ่ม Start เสียงเครื่องยนต์ครางขึ่นมาแบบเงียบๆ ดูเป็นผู้ดีเหลือเกิน มองไปที่แป้นเกียร์ ลองปรับโหมดการขับขี่เสียหน่อย เพราะรุ่นนี้มีโหมดการขับเพิ่มขึ้นอีก 1 โหมดนันคือ โหมด "ECO PRO" หรือ เรียกกันง่ายๆ ว่าโหมดโคตรประหยัดนั่นเอง จากปกติที่ ซีรี่ส์ 5 เดิมจะมีโหมดในการขับขี่อยู่ 3 โหมดคือ Comfort ,Sport และ Sport Plus

ลองขับ BMW 520i

เมื่อมีโหมดใหม่มาอย่างนี้ก็ต้องขอ "ลอง"  เสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรเกียร์ถูกเลื่อนไปที่ตำแหน่ง D ทันที รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปแบบนุ่มนวลจริงๆ ขับไปได้สักพักเจอกับการจราจรที่ติดขัดในเมือง รถต้องจอดติดไฟแดงปรากฎว่า เครื่องยนต์ดับ แต่ระบบปรับอากาศยังทำงานอยู่ นั่นหมายความว่า ระบบ Auto Stop ทำงานแล้ว แต่เครื่องดับไม่นานนะครับ พอแอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องก็จะสตาร์ทขึ้นมาใหม่โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้จะทำงานเมื่อรถหยุดนิ่ง และจะติดเครื่องยนต์อีกครั้งเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น หรือทันทีที่เราแตะคันเร่งเบาๆ

ผมว่าระบบนี้จะทำงานเวิร์คๆ ก็ช่วงหน้่าฝน กับหน้าหนาว นี่แหละครับ อย่างหน้าฝนบ้านเราฝนตกรถติดๆ สบายเลยครับ อุณหภูมิก็ไม่สูงมากนัก คราวนี้เครื่องดับยาวแน่ ประหยัดชัวร์ครับ ไม่ต้องกลัวแล้ว ฝนตกรถติดน้ำมันหมด

เมื่อมาถึงช่วงบนถนนโล่งๆ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า ที่ให้แรงบิกสูงสุดที่ 270 นิวตันเทตร ที่รอบเครื่องยนต์แค่ 1250-4500 รอยต่อนาที เครื่องนี้ก็แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้เห็นแล้ว

ลองขับ BMW 520i

เพราะตามสเป็กของบีเอ็มบอกว่า เครื่องยนต์ใหม่นี้ แม้ว่าจะทำให้ 520i รุ่นปัจจุบันมีแรงม้าน้อยลงจากรุ่นเก่า 7% แต่แรงบิดเพิ่มขั้น 8% อัตราประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อน 25% อัตราเร่งจาก 0-100 กม.เร็วขึ้น 6% ก็ต้องขิอลองหใ้เห็นกับตาเสียหน่อย

แม้ว่าโหมดที่ผมใช้จะเป็นโหมด ECO PRO คือเน้นในเรื่องของความประหยัด รอบเครื่องยนต์จะทำงานที่รอบต่ำเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อต้องการเร่งแซง เพียงกดคันเร่ง รถก็กระชากออกไปอย่างไม่ยากเย็นเลยครับ เรียกได้ว่า "ไม่มีอาการอืด" ให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างไร

และเมื่อปรับโหมดการขับขี่ไปเป็นแบบ Comfort หรือโหมดปกติ ก็ยังสบายๆ ครับ รู้สึกถึงแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น เวลากดคันเร่งการตอบสนองเร็วขึ้นมากว่าแบบ ECOPRO อยู่พอสมควร

ลองขับ BMW 520i เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ ระดับเทพ

ต้องยอมรับเลยครับว่า เครื่องยนต์ 4 สูบตัวนี้ของบีเอ็มฯ นั้นระดับเทพจริงๆ ยิ่งมาทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แล้วลงลงตัวมากทีเดียว และถือว่าเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของบีเอ็มฯ นี้เป็นเกียร์อัตโนมัติที่ทันสมัยมากกว่า เมอร์เซเดส เบนซ์ อี-คลาส ที่มีเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

อัตราเร่งถือว่าทำๆได้ดีมาก เมื่อเทียบว่าตัวเองเป็นเครื่องยนต์แค่ 2.0ลิตร เท่านั้น ผ่านสบายๆ ครับ ทั้งในเรื่องของความเนียนของเครื่องยนต์ ความนุ่มนวลของระบบเกียร์ ยกนิ้วให้ ทำให้ในเรื่องของเทคโนโลยี เครื่องยนต์และเกียร์ของ บีเอ็มฯ ซีรีส์ 5 เหนือกว่า เมอร์เซเดส เบนซ์ อี-คลาส เรียบร้อยแล้ว

ส่วนในเรื่ิองของช่วงล่าง ต้องยอมรับว่าเมื่อบีเอ็มฯ ใช้ยางรันแฟลท ซึ่งเป็นยางที่สามารถวิ่งต่อไปได้แม้ยางจะรั่ว ทำให้เกิดความกระด้างขึ้นไม่น้อยทีเดียว และเป็นเหมือนกันหมดทุกรุ่นของบีเอ็มฯ หากรุ่นนั้นใช้ยางรันแฟลท

ผมเองนั้นไม่ค่อยชอบยางรันแฟลท เท่าไหร่ครับ เพราะหนึ่งกระด้างไม่นั่มนวล สองราคาค่อนข้างแพง สามหากยางเกิดรั่ว จริงอยู่แม้ว่าเราจะสามารถวิ่งต่อไปได้อีกร้อยกว่ากิโลเมตร แต่ก็ต้องวิ่งเข้าศูนย์บริการของบีเอ็มฯ ซึ่งหากเป็นในกทม. ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นเส้นทาง ต่างจังหวัดละก็ เหนื่อยแน่ครับ

ลองขับ BMW 520i

แต่ก็ต้องถือว่ายางรันแฟลท เป็นเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้ามาก และทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารไม่ต้องกินข้าวลิง เวลาเดินทางไกล ยังไงก็ยังขับไปจนเจอปั้มน้ำมันให้ปลอดภัยไว้ก่อน

ถ้าใครไม่กลัวเรื่องความกระด้างและอยากแปลงร่างเจ้า 520i ให้กลายเป็นพายุ ก็เปลี่ยนโหมดการขับเป็น Sport ได้เลยครับ เมื่อนั้นคุณจะได้รับความรู้สึกของแรงกระชากของเครื่องยนต์ยามที่คุณเหยียบคันเร่ง หลังและบั้นท้ายของคุณจะได้สัมผัสถึงพื้นผิวถนนที่ถูกส่งผ่านระบบช่วงล่างได้อย่างสะใจ พวงมาลัยที่แม่นยำ จะยิ่งทำให้คุณสนุกกับการพา 520i นี้ทะยานไปยังท้องถนนที่ใดก็ได้ที่คุณต้องการ แต่ก็ต้องแลกกับอัตราการสิ้นเปลือง และความสบายที่จะต้องลดลงอย่างมากด้วย

และหากคุณไม่แน่จริง อย่าใช้โหมด Sport Plus เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังปลดระบบช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถออก และคุณจะกลายเป็นผู้ควบคุมรถด้วยทักษะทั้งหมดของคุณที่มีอยู่ ซึ่งผมขอแนะนำว่า "อย่าเล่น"  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกผม ในการใช้ลองขับ บนสนามที่มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับไว้ดีกว่าครับ

ลองขับ BMW 520i

การทรงตัวของ ซีรีส์ 5 ใหม่นี้ ยังอยู่ในระดับที่ไม่มีปัญหาครับ หนึบมาก ทั้งจากการลองขับแบบ สลาลอม รวมถึงการเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน ซึ่งเป็นการขับในสนามนะครับ การควบคุมรถทำได้ดีมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถด้วยครับ

ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองจากการขับด้วยความเร็วระดับ 140 กม./ชม.อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13-14 กม.ต่อลืตร ก็ต้องถือว่าเยี่ยมแล้วครับ เพราะแค่รถญี่ปุ่นเครื่อง 1800 ซีซี ขับที่ความเร็วขนาดนี้ อัตราสิ้นเปลืองยังอยู่ที่ 11 กม.เลย ก็ลองคิดดูแล้วกันครับว่า เกี๋ยวนี้ รถยุโรป กินน้ำมันน้อยกว่ารถญี่ปุ่นแล้ว

อ้อ…ออปชั่นอีกอย่างของเจ้าบีเอ็มฯ ซีรี่ส์ 5 นี่ก็คือ เซ็นเซอร์เปิดฝากระโปรงท้ายที่ไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรให้วุ่นวายอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ยื่นเท้าเข้าไปใต้ฝากระโปรงรถ เพียงเท่านี้ฝากระโปรงรถก็จะเปิดให้โดยอัตโนมัติ เท่สะไม่มี

ราคาค่าตัว 3.699 ล้านบาท กับโปรแกรมบำรุงรักษาฟรี 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ใครที่ชื่นชอบรถยุโรป ลองถามใจตัวเองดูให้ดีครับ ว่าหากต้องการรถเครื่องยนต์และเกียร์ ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในขณะนี้ไว้ในครอบครองหรือไม่ ถ้าใช่ ผมเชื่อว่าไม่ผิดหวัง!!

ลองขับ BMW 520i 520 Touring