"เคจีไอ"ขอท็อปไฟว์
“สมชาย” เอ็มดีใหม่เคจีไอ ตั้งเป้าภายใน 1 ปี ดันบริษัทเข้าท็อปไฟว์ มาร์เก็ตแชร์ขั้นต่ำ 4%
“สมชาย” เอ็มดีใหม่เคจีไอ ตั้งเป้าภายใน 1 ปี ดันบริษัทเข้าท็อปไฟว์ มาร์เก็ตแชร์ขั้นต่ำ 4%
นายสมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ KGI เปิดเผยว่า มาร่วมงานกับ บล.เคจีไอ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติง) จาก บล.เคที ซีมิโก้ ตามมาเพียง 20 คนเท่านั้น ไม่ได้มากตามที่เป็นข่าว ซึ่ง 20 คน มีมูลค่าซื้อขาย (วอลุม) คิดร่วม 20% ของเคที ซีมีโก้ หรือช่วงภาวะตลาดหุ้นดี คิดเป็นประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน เฉลี่ยปีละ 120 ล้านบาทเท่านั้น
นายสมชาย ตั้งเป้าทำให้เคจีไอดีขึ้น 3 เรื่องหลัก คือ 1.ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ต้องทำให้ดีขึ้น เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ 3.8% ของตลาด เป็นไม่น้อยกว่า 4% ภายใน 1 ปี นับจากเดือน|มี.ค.ปีนี้ หรือติด 1 ใน 5 โบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด และ 2.ทำให้เคจีไอเป็นรูปแบบองค์กร ให้คนต้องการเข้าร่วมงานและอยู่กันนานๆ เหมือนครอบครัว ไม่ใช่เข้ามาหาผลประโยชน์แล้วจากไป
นอกจากนี้ ยังมีแผนสร้างมาร์เก็ตติงรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นแผนเดียวกับที่เคจีไอทำอยู่ โดยฝึกมาร์เก็ตติงรุ่นแรกปีที่ผ่านมาและปีนี้ทำเป็นรุ่นที่ 2 สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ฝึกตั้งแต่เบื้องต้น ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ ไปจนสินค้า DW ซึ่งเคจีไอมีความพร้อมสินค้าใหม่ๆ จากโนฮาวของบริษัทแม่เคจีไอในไต้หวัน โดยเป็นโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์ซื้อขายสินค้าอนุพันธ์อันดับ 1
แผนที่ 3 คือ ปรับระบบผลตอบแทนมาร์เก็ตติงให้เท่าเทียมกับอุตสาหกรรม เป็นการดูแลมาร์เก็ตติงของบริษัททั้งหมดกว่า 300 คน รวมทั้งสวัสดิการพนักงาน วาดหวังให้คนทำงานในเคจีไอมีความสุข เป็นสถานที่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน แล้วผลตอบแทนจะออกมาที่บริการที่ให้กับลูกค้า
“เคจีไอเน้นให้ผมมาบริหารงานมากกว่า ไม่ได้โฟกัสต้องมีวอลุมจากผมเท่าไร ผมก็ไม่เคยบอกตัวมาร์เก็ตแชร์เท่าไร หรือมีมาร์เก็ตติงตามมากี่คน เป็นเรื่องอนาคตที่จะมีลูกน้องตามผมมา ฉะนั้นการที่ตลาดหุ้นตก ไม่กดดันการทำงานของผม แต่ผมก็ต้องการทำให้ดี ทำงานที่ผมถนัด สร้างมาร์เก็ตติง ส่วนมาร์เก็ตแชร์จะปรับตัวขึ้นๆ อยู่กับจังหวะและโอกาส” นายสมชาย กล่าว
กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า เคจีไอ มีจุดแข็งที่รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหุ้น (คอมมิชชัน) ต่ำกว่า 50% ของรายได้รวม หรือไม่ได้อิงรายได้จากค่าคอมมิชชันอย่างเดียว ต่างจากโบรกเกอร์รีเทลทั่วไป เนื่องจาก เคจีไอมีความหลากหลายของสินค้า พอร์ตซื้อขายหุ้นบริษัท (พอร์ตเทรด)
“โบรกเกอร์ที่เป็นรีเทล (รายย่อย) อย่างเคจีไอ ช่วงตลาดดีๆ อันดับ (แรงกิง) จะขึ้นเร็ว ปีนี้ตลาดดี โบรกเกอร์ที่เป็น|รีเทลก็ขึ้นเร็ว แต่ถ้าตลาดไม่ดีแรงกิงจะหลุดเร็ว” นายสมชาย กล่าว
ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จะทำการเปิดสำนักงานสาขาเต็มรูปแบบแห่งใหม่ คือ สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ ในวันที่ 22 เม.ย. 2556 ตั้งอยู่เลขที่ 191 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้นที่ 20 ห้องเลขที่ 3-5 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก
ในช่วงนี้นักวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อหุ้นหลักทรัพย์ โดยเน้นบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดด้านซื้อขายสูงๆ และมีพอร์ตลงทุน ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากภาวะตลาดหุ้นที่คึกคักในช่วง 3เดือนแรกของปีนี้ และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้นมาก ตามมูลค่าการซื้อขายหุ้นโดยรวมเฉลี่ยวันละ 6.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นหลักทรัพย์ เพื่อเก็งกำไร และราคาหุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ก็ย่อลงมาถึงระดับที่น่าสนใจ แม้ว่าในช่วงสั้นตลาดหุ้นจะไม่ดีนักและมูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 3-4 หมื่่นล้านบาทต่อวัน แต่คาดว่าภาวะตลาดจะดีขึ้นในเดือนพ.ค.และในช่วงครึ่งปีหลัง จากสภาพคล่องสูงและเงินไหลเข้าลงทุนในเอเชีย
“เคจีไอ นอกจากจะมีกำไรเติบโตมากแล้ว ยังมีเงินปันผลสูงในอัตราหุ้นละ 0.23 บาทด้วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนกว่า 6.38% เมื่อเทียบกับราคาหุ้นปิด|ที่ 3.60 บาท”